เมื่อประมาณ 10-11ปี ที่ผ่านมา ในยุคนั้นบน Facebook คอนเทนต์คำคม ที่มาทั้งในรูปแบบข้อความล้วนๆ และในรูปแบบของข้อความสั้นๆ ที่มาพร้อมกับรูปวาดน่ารักๆ เป็นที่นิยมมากในขณะนั้น “คิ้วต่ำ” ก็ถือเป็นหนึ่งในเพจที่ผู้คนนึกถึงในอันดับแรกๆ เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป คอนเทนต์ดังกล่าวค่อยๆ ลดความนิยมลง แต่ก็จะมีของคิ้วต่ำที่ยังคงอยู่ให้คนได้อ่านเสมอมา
ถ้าจะให้วิเคราะห์ว่าทำไมผลงานของคุณปั๊ม-อนุชิต คำน้อย เจ้าของเพจคิ้วต่ำ นักเขียนนักวาดภาพประกอบ วิทยากร อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย คนนี้ ยังคงอยู่และได้รับการยอมรับจากรุ่นต่อรุ่น ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคอนเทนต์ของเขามีคาแร็กเตอร์เหมือนคนธรรมดา และก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยที่ไม่ลืมความเป็นตัวเอง และคอนเทนต์ของเขาค่อนข้างเป็นกลาง ไม่ตัดสินใคร ไม่กระทบหรือส่งผลร้ายกับใคร
จากมุมมองของคิ้วต่ำ ที่ว่าคนเราทุกคนชอบกิน ไม่ว่าเครียด เหงา เศร้า ทุกข์ คนเรากินได้ทุกเวลาแม้ว่าจะนั่งกินคนเดียว กินกับคนรู้ใจ หรือเพื่อนฝูง เมื่ออิ่มแล้วก็จะสบาย และช่วยคลายทุกข์ได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่กำลังมีความสุข เมื่อได้กินอาหารอร่อยก็จะยิ่งสุขขึ้นไปอีก และเขามองว่าอาหารทุกอย่างให้ข้อคิดบางอย่างกับเราเสมอ และถ้าให้เปรียบเทียบ ชีวิตก็คงเป็นอาหารสักจาน มีรสชาติ ราคา การปรุงยากง่ายแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของบทประพันธ์ “อาหารปรุงสุข” ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดของคิ้วต่ำ ออกมา
อาหารปรุงสุข คิ้วต่ำได้ปรุงอย่างพิถีพิถัน ใส่ความรัก กำลังใจ และแง่คิดมากมายในเมนูอาหาร ทั้งของคาวของหวาน และอุปกรณ์ใช้ในการกินอาหาร ยกตัวอย่างเช่น “เรียบง่ายแต่ก็สบายใจดี” พูดถึงไข่เจียวที่ฟูๆ หอมๆ อยากใส่อะไรก็ได้ ทอดเสร็จก็โปะบนข้าวสวยร้อนๆ สื่อถึงว่าความสุขนั่นเรียบง่าย ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนให้ยุ่งยาก
“พอเข้าใจกันก็จะไม่ตัดสินกัน” พูดถึงเมนูลูกชิ้นหลายชนิดที่ทอดในกระทะเดียวกัน ราดน้ำจิ้มเดียวกัน อร่อยไม่ต่างกัน สื่อถึงว่าคนที่เจออะไรมาเหมือนกันจะไม่ตัดสินกันแบบฉาบฉวยเมื่อแรกเจอกันก็จะมอบความเข้าใจให้กัน
“ความสุขละลายเร็วเสมอ” เหมือนไอติมตัดสีสวยรสชาติที่ชอบที่เราค่อยๆ กัด ค่อยๆ เลียเพราะกลัวหมด เปรียบกับช่วงเวลาความสุขมักสั้นเสมอ แม้จะเป็นช่วง ที่ยาวนานเท่ากับช่วงที่ทุกข์ เพราะเราไม่อยากให้ผ่านไปอยากอยู่ตรงนั้นนานๆ แต่ชีวิตไม่มีอะไรไม่ผ่านไปหรอก จะสั้นจะยาว ก็ให้ใช้เวลากับมันให้เต็มที่ต่างหากคือคุณภาพของความรู้สึกนั้นจริงๆ ในตอนนั้น ถ้ามีความสุขก็อยู่กับมันให้ดี
“ความสุขโรยหน้า” สื่อถึงไก่ทอดหาดใหญ่ หอมกรอบ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือหอมเจียว สื่อถึงว่าหอมเจียวคือความสุข ซึ่งซ่อนยาก ถ้าความอร่อยของไก่ทอดคือหอมเจียวที่โรยหน้า ความสุขก็คงถูกโรยหน้าไว้ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ดังนั้นยิ้มเยอะๆ ยิ้มบ่อยๆ สุขได้ไม่ต้องเก็บซ่อน ยิ้มได้ไม่เสียเงิน มาโรยความสุขบนใบหน้ากันเยอะๆ นะ ฯลฯ
หนังสืออ่านแล้วเข้าใจง่าย อ่านไปยิ้มไปกับข้อคิดดีๆ ที่เป็นแบบฉบับของคิ้วต่ำ ความช่างคิดช่างเปรียบที่น่ารักน่าเอ็นดู และเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน อ่านแล้วช่วยให้จิตใจได้รับการเยียวยา และน้ำลายสอไปพร้อมกัน ภาพประกอบน่ารักกับข้อความดีๆ ที่อ่านแล้วรู้สึกดี อ่านแล้วก็จะได้ทั้งคิดถึงรสชาติอาหาร หรือบางคนหิว จนต้องรีบไปซื้อกินตามทันทีที่อ่านจบ หรือใช้เป็นคู่มือไว้เลือกอาหารเวลาไม่รู้จะกินอะไรดีก็ยังได้อีก
หนังสือราคาเล่มละ 245 ของสำนักพิมพ์ฟีก้า จัดจำหน่ายโดยซีเอ็ดยูเคชั่น
แนวทางจัดการเวลาตอนเย็นหลังเลิกงาน
ทำในสิ่งที่ชอบจนประสบผลสำเร็จ
“พลังพลิกชีวิตของกิจวัตรยามเย็น” อย่าปล่อยไหล ไม่ว่าจะพักผ่อนหรือทำสิ่งที่รัก ก็จงตั้งใจใช้เวลาช่วงสิ้นสุดวันอย่างดีจนเป็นนิสัย แล้วจะเหมือนได้เวลาชีวิตสองเท่าไม่พลาดเป้าหมายของชีวิต ผู้เขียน Ryu Hanbin (รยู, ฮันบิน) ผู้แปล อาสยา อภิชนางกูร หนังสือเล่มนี้ ได้อธิบายแนวทางการจัดการเวลาตอนเย็นหลังเลิกงาน เพื่อให้เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้เกิดความรู้สึกเคารพตนเอง และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต กล่าวถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและวิธีการแก้ไข ทั้งยังครอบคลุมถึงส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือมีอิทธิพลต่อการจัดการเวลา เช่น วิธีการเลือกโปรเจ็กต์เสริม การกำหนดเป้าหมาย การเตรียมพร้อมร่างกาย เครื่องมือและเทคนิคต่าง ๆ ที่นำมาปรับใช้ได้ ฯลฯ ภายใต้ความเชื่อว่าเวลาตอนเย็นหลังเลิกงาน เป็นโอกาสที่เราจะใช้ชีวิตได้มากขึ้นเป็นสองเท่า เป็นเวลาที่เราสามารถมุ่งมั่นตั้งใจทำสิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ ไม่ใช่งานที่ถูกบังคับให้ทำเพื่อเลี้ยงชีพ จากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองของผู้เขียน เธอได้ค้นพบเคล็ดลับที่ช่วยให้คนเราทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้สำเร็จโดยใช้เวลาตอนเย็นหลังเลิกงาน และทำสิ่งที่กำหนดไว้ตามเวลาซ้ำ ๆ ทุกวัน จนกระทั่งร่างกายของเราขยับไปเองโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า "กิจวัตร" หนังสือราคา 235 บาท
จัดการความสัมพันธ์ลูกน้องกับเจ้านาย
ให้เข้าใจกันและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
“ลูกน้องโง่เป็นเหยื่อของเจ้านายฉลาด เจ้านายฉลาดเป็นเหยื่อของลูกน้องแกล้งโง่” ผู้เขียน ศิริวรรณ ช้างพลาย ได้ตีแผ่ปัญหาระหว่างเจ้านายและลูกน้องที่เป็นชนวนก่อเหตุความวุ่นวายให้กับบริษัทไว้มากมาย เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ความขัดแย้งภายในองค์กรระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเป็นเหตุการณ์ที่บั่นทอนความมั่นคงและความก้าวหน้าของบริษัทอย่างมาก เข้าทำนองที่ว่า ศึกนอกยังพอรับได้ แต่ศึกในนี่สิหนักหนาสาหัสกว่ามาก เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนในองค์กรเกิดความแตกแยก ไม่รักใคร่ปรองดองกัน ไม่มีความเห็นอกเห็นใจกัน ชิงดีชิงเด่น กลั่นแกล้งแก้แค้น บริษัทคงอยู่ไม่ได้ ถึงอยู่ได้ก็คงร่อแร่เต็มที เนื้อหาในเล่มเป็นการตีแผ่ปัญหาเรื่องคนในบริษัท พร้อมวิธีรับมือเรื่องวุ่นๆ ที่มาจากคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง ก็สามารถใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ได้ และช่วยให้ทั้งเจ้านายและลูกน้องเข้าใจกันและกันและทำงานร่วมกันอย่างสงบสุข และมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนังสือราคา 195 บาท
เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมของสัตว์
เพื่อรู้ถึงความฉลาดที่อาจเทียบเท่ามนุษย์
“ฉลาดสัตว์สัตว์ : เปิดโลกปัญญาสัตว์นอกกรอบความฉลาดของมนุษย์” ผู้เขียน Frans de Waal (ฟรันส์ เดอ วาล) ผู้แปล ปณต ไกรโรจนานันท์ “โฮโม เซเปียนส์” แปลว่า มนุษย์ฉลาด แต่เราฉลาดกว่าสัตว์จริงหรือ การใช้เครื่องมือ การเข้าสังคม การจดจำใบหน้า การสื่อสารด้วยภาษา การตระหนักถึงอดีตและวางแผนอนาคต ฯลฯ นานาทักษะการรู้คิดที่เราภูมิใจเหล่านี้ เป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติของมนุษย์เพียงสปีชีส์เดียวจริงหรือ? "ฟรันส์ เดอ วาล" นักพฤติกรรมวิทยาและนักไพรเมตวิทยา จะนำเราไปรู้จักพฤติกรรมสัตว์ ทั้งชิมแปนซีที่รู้จักการร่ำลา กาที่จำหน้านักวิจัยที่จับมันไปทดลองได้ นกแก้วที่ชำนาญการคิดเลขในใจ วาฬที่แบ่งปันวิธีล่าเหยื่อแบบใหม่ให้แก่กัน และอีกสารพันสปีชีส์ที่ฉลาด พบกับวิวัฒนาการทางสติปัญญาอันน่าทึ่ง ตั้งแต่ยุคที่ผู้คนมองว่าสัตว์เป็นเครื่องจักรที่ทำตามสัญชาตญาณ จนปัจจุบันที่การรู้คิดของสัตว์เป็นกุญแจไขความลับของสมองมนุษย์ และทบทวนกันอีกครั้งว่า คำถามอาจไม่ใช่ "สัตว์ฉลาดไหม" แต่เป็น "มนุษย์ฉลาดพอไหม ที่จะเข้าใจความฉลาดของสัตว์" หนังสือราคา 425 บาท
แนะแนวทางปล่อยวางเรื่องเหนื่อยใจ
พร้อมเคล็ดลับทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น
“ภาระที่อมไว้ คายออกมาเถอะนะ” ผู้เขียน Naitou Yoshihito (ไนโต โยะชิฮิโตะ) นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานการตีพิมพ์ว่า 100,000 เล่ม ผู้แปล อทิตยา ทรงศิริ หนังสือ กล่าวถึง ทุก ๆ วันที่ชีวิตของเราเผชิญปัญหามากมาย จิตใจย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา ราวกับแฮมสเตอร์ตัวน้อยที่อมเมล็ดทานตะวันจนแก้มตุ่ย แต่ถ้าเราคลายปัญหายิบย่อยในจิตใจได้ ภาระที่แบกไว้ก็จะลดลงจนจิตใจเบาอย่างไม่น่าเชื่อ มาเรียนรู้วิธีปล่อยวางเรื่องเหนื่อยใจอย่างง่าย ๆ พร้อมเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น เมื่อจิตใจไม่ต้องเผชิญกับเรื่องน่าเหนื่อยหน่าย เราก็จะมีพื้นที่สำหรับความสุขมากยิ่งขึ้น อะไรที่มากเกินไปก็คายออกมาเถอะนะ คำแนะนำในหนังสือมีหลักการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ และนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ปลอบโยนและรักษาใจได้จริง และปฏิบัติได้ง่าย ๆ เนื้อหาอ่านง่าย เป็นเรื่องราวรอบตัว แบ่งเป็นข้อ ๆ ที่หลากหลาย ทำให้เลือกหัวข้อที่ตรงใจ และแบ่งปฏิบัติได้ในแต่ละวัน หนังสือราคาเล่มละ 225 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี