ในช่วงที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียดจากเรื่องต่างๆ หลายคนมักมองหาของหวานเป็นอย่างแรก เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว ยังช่วยให้ความเครียดหายไปชั่วคราว และเมื่อการทานของหวานไม่ช่วยลดความเครียด ทั้งยังทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและคอแห้งกว่าปกติ ซึ่งนั่นอาจเป็นอาการของ “โรคเบาหวาน” และหากไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายและควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติ ก็อาจเกิดอาการแทรกซ้อนตามมามากมาย
นพ.ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก โรงพยาบาลวิมุต เผยถึงอันตรายของโรคเบาหวาน สัญญาณบอกโรคที่หลายคนไม่รู้ พร้อมแนะนำวิธีป้องกันและแนวทางการรักษา เพื่อให้เรามีระดับน้ำตาลที่ปกติและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว
โรคเบาหวาน มีสาเหตุมาจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินปกติเนื่องจากขาดฮอร์โมนอินซูลินในการเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และเมื่อระดับน้ำตาลสูงมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง อาจมีน้ำตาลปนออกมากับปัสสาวะ และอาจทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ โดยโรคเบาหวานสามารถแบ่งได้ 6 ชนิด ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ซึ่งพบเป็นส่วนน้อยในคนไทย, เบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งพบได้บ่อยในคนไทยและมักเกิดจากพฤติกรรมและกรรมพันธุ์, เบาหวานผสมระหว่างชนิดที่ 1 และ 2,
เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือฮอร์โมน การเป็นโรคตับอ่อน หรือการได้รับยาบางชนิด,เบาหวานขณะตั้งครรภ์ และเบาหวานที่ตรวจแล้วไม่สามารถแยกชนิดได้ ด้าน นพ.ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อธิบายเกี่ยวกับอาการที่อาจเข้าข่ายโรคเบาหวานว่า “อาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ได้แก่น้ำหนักลดไม่มีสาเหตุ อ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ ปัสสาวะบ่อยกระหายน้ำบ่อย รู้สึกชาบริเวณปลายนิ้วมือนิ้วเท้า แผลหายช้ากว่าปกติ คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกาย”
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานมีหลายประการ ได้แก่ การที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ขึ้นไป การมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 23 มีรอบเอวต่อความสูงมากกว่า 0.5 ความดันโลหิตสูงคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน มีค่าน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 100 เป็นต้น ทั้งนี้ โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้จากทั้งกรรมพันธุ์และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน โดยคนไทยส่วนใหญ่มีความเชื่อผิดๆ ว่าต้องเป็นคนน้ำหนักมากเท่านั้น ถึงจะเป็นโรคเบาหวาน แต่ความจริงคนที่มีรูปร่างผอมก็เสี่ยงเป็นเบาหวานได้ เพราะโรคนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยอื่นร่วมด้วย ทั้งการกินอาหารที่เน้นแป้ง น้ำตาล ไขมัน ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย หรือยาที่ใช้ประจำ
โรคเบาหวาน นอกจากจะก่อให้เกิดความผิดปกติในร่างกายแล้ว ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้แก่ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้เวียนหัว หน้ามืดใจสั่น หรือเป็นลม ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิดเฉียบพลัน จะมีอาการหอบเหนื่อย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง กินได้น้อยลง และภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิดเรื้อรัง ทำให้ตาพร่ามัว อัมพาต ไตวาย หัวใจขาดเลือด หากรุนแรงมากอาจทำให้หัวใจวายได้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจึงต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาให้หายขาดได้ยาก แต่เราควบคุมให้ไม่เกิดอาการที่รุนแรงหรือโรคแทรกซ้อนได้ โดยวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน คือ เลี่ยงของหวาน หรืออาหารมันๆ จำพวกของทอด ปิ้งย่างหมั่นรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและไขมันต่ำ อีกเรื่องที่สำคัญคือการออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
ผู้ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเบาหวาน สามารถมาขอรับคำปรึกษาได้ที่ ชั้น 3 ศูนย์เบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก หรือโทรนัดหมาย 02-0790070 เวลา 07.00-19.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี