อยุธยามีของดีๆ งามๆ ให้คุณทุกคนไปสัมผัส เช่น โบราณสถาน แหล่งประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัดวาอาราม อาหารการกิน ขนมสารพัดชนิด เมื่อไปเที่ยวอยุธยาแล้วขอให้ใช้เวลาซึมซับความงดงามของอยุธยาให้มากที่สุด อย่ารีบเที่ยว อย่ารีบกลับ
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ชวนคุณไปสนทนาถึงความน่าสนใจของอยุธยาในแง่มุมต่างๆ กับคุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา
● สวัสดีครับ วันนี้เรากลับมาเยือนอยุธยาอีกครั้ง มาครั้งนี้เรามาเยือนอยุธยายามค่ำ รบกวนคุณวัชรพงศ์ ช่วยบอกถึงความน่าสนใจของอยุธยาในแง่มุมต่างๆ ให้ผู้อ่านได้ทราบอีกครั้งครับ
คุณวัชรพงศ์ : อยุธยามีความน่าสนใจหลากประการ ทั้งโบราณสถาน วัดวาอาราม และซากของปราสาทราชวัง พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ นานา เช่น พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา พิพิธภัณฑ์วังจันทร์เกษม อาคารเรียนรู้เรื่องโขน ศิลป์แผ่นดิน ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และอีกมากมายเกินจะบรรยายได้หมดในเวลาอันสั้นๆ รวมถึงยังมีอาหารการกิน ขนบธรรมเนียมประเพณี และยังมีความทันสมัยให้พบเห็นตลอดเวลา อย่างบริเวณที่เรากำลังยืนคุยกันนี้คือริมวัดราชบูรณะ วัดสำคัญแห่งหนึ่งตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น มีกรุมหาสมบัติคือกรุงเครื่องทองวัดราชบูรณะที่โด่งดังไปทั่วประเทศและทั่วโลกก็ว่าได้ วัดนี้สร้างโดยเจ้าสามพระยา เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลให้เจ้าอ้ายและเจ้ายี่ พระเชษฐา ทั้งสองพระองค์ที่ทรงทำสงครามแล้วสิ้นพระชนม์ บริเวณนี้ยังมีวัดสำคัญๆ อีกมากมาย เช่น วัดมหาธาตุ เป็นต้นทั้งหมดนี้อยู่ในเขตเมืองเก่าบนเกาะเมืองอยุธยา บางคนเมื่อมาอยุธยาแล้วเห็นโบราณสถานต่างๆ ก็เข้าใจว่าเป็นวัง ซึ่งไม่ใช่ครับ พระราชวังจริงๆ นั้นเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังเท่านั้น พระราชวังของกรุงศรีอยุธยาถูกเผาทำลายไปตั้งแต่เมื่อครั้งไทยแพ้สงครามกับพม่าในคราวเสียกรุงฯ ครั้งที่สอง เมื่อ 2310 เขตวังจริงๆ จะอยู่ใกล้วัดมงคลบพิตร โดยจะมีวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในยุคกรุงศรีฯ แต่ปัจจุบันไม่เหลือโบราณสถานอีกแล้ว เหลือเพียงซากโบราณสถานเท่านั้น
● ในขณะนี้เรากำลังสนทนากันที่ริมกำแพงวัดราชบูรณะ ในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงนี้กำลังมีงานยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก ซึ่งงานจบในวันที่ 24 ธันวาคม แต่บริเวณที่เรากำลังยืนคุยกันนั้นจะมีงาน อยุธยาไนท์มาร์เก็ตทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ช่วงบ่ายแก่ๆ ถึง 4 ทุ่ม ใช่ไหมครับ ช่วยเล่าความเป็นมาของการจัดงานอยุธยาไนท์มาร์เก็ตให้ทราบด้วยครับ
คุณวัชรพงศ์ : ต้องเรียนว่า อยุธยาไนท์มาร์เก็ตคือตลาดชุมชนที่ชาวอยุธยาร่วมกันสร้างขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับการอนุมัติให้ใช้พื้นที่บริเวณนี้โดยกรมศิลปากร แล้วเราก็ทำงานร่วมกับหน่วยราชการต่างๆ ในจังหวัด แนวคิดจัดตลาดนี้ก็เพื่อให้ชาวอยุธยามีรายได้จากการค้าขาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่ยังคงมีนักท่องเที่ยวอยู่ในอยุธยา บางคนบ่นว่าเมื่อถึงเวลาค่ำแล้ว ในอยุธยาก็เงียบเหงามาก ทั้งๆ ที่เขตโบราณสถานในยามค่ำมีความงดงามมาก แต่ไม่มีใครได้เข้าไปชื่นชมความงาม เพราะปิดหมดทุกแห่ง เราจึงเสนอแนวคิดนี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงามของโบราณสถานยามค่ำ เราจึงทำตลาดกลางคืนโดยเน้นเอกลักษณ์ชุมชนคนอยุธยา และที่สำคัญคือเน้นให้โบราณสถานมีคุณค่ามากขึ้น เพื่อให้ผู้คนเข้าไปสัมผัสความวิจิตรงดงามได้ในยามค่ำ สำหรับอยุธยาไนท์มาร์เก็ตนั้น อันที่จริงเคยจัดมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อมีปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาดเมื่อสองปีก่อนก็ปิดตัวลงไป โดยสถานที่จัดงานครั้งก่อนอยู่ที่บริเวณศาลากลางหลังเก่าของเมือง แต่มาวันนี้ เราย้ายมาจัดริมวัดราชบูรณะ เพื่อให้ผู้คนได้เห็นความงดงามของพระปรางค์ประธานของวัดราชบูรณะ เมื่อเราทำตรงนี้ให้มีแสงสว่างที่เหมาะสม ก็ทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาตามมา ผู้คนเข้ามาชมความงาม และมีการค้าการขายเกิดขึ้น ผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น ในแต่ละช่วงสัปดาห์ทำให้มีเงินหมุนเวียนเป็นหลักล้านบาท
● เอกลักษณ์ของตลาดแห่งนี้คืออะไรครับ
คุณวัชรพงศ์ : อันดับแรกคือคนขายของเป็นชาวอยุธยา ต่อมาคือสินค้าทำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นหลัก และผู้ค้าขายแต่งกายแบบไทยๆ ตามที่แต่ละคนจะมีแนวคิด เช่น บางคนก็แต่งกายเป็นชุดนักรบอยุธยา บางคนก็แต่งกายแบบชาววัง บางคนก็แต่งกายแบบขุนนาง บางคนก็นุ่งโจงห่มสไบ เป็นต้น นับว่าสร้างสีสันได้มาก ผู้ค้าขายจะได้หมุมเวียนกันมาขายของโดยเน้นหลักความเสมอภาคยุติธรรม เพราะแต่ละช่วงจะมีร้านค้า 150 ร้านเข้ามาขายของ และสลับสับเปลี่ยนกันไปเป็นรอบๆ ในแต่เดือน แต่ยกเว้นร้านที่ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อมากๆ ก็จะได้ขายตลอดไป โดยเราจะโหวตจากผู้ซื้อเป็นสำคัญ เมื่อเปิดตลาดแห่งนี้ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมาก แม้กระทั่งคนอยุธยาก็มาเที่ยวด้วย
● กลับไปถามการเลือกร้านค้าแบบเป็นธรรม ใช้วิธีอะไรครับ
คุณวัชรพงศ์ : อันดับแรกคือเราเปิดลงทะเบียนสมัครในกูเกิ้ล และมีเกณฑ์พิจารณาโดยร่วมกันพิจารณาจากหลายฝ่าย เช่น จังหวัด เอกชน พัฒนาชุมชน การท่องเที่ยว วัฒนธรรมจังหวัด เป็นต้น แล้วเราก็จัดแบ่งประเภทร้านค้าในแต่ละรอบของการขาย โดยการขายแต่ละช่วงคือทุกๆ สองสัปดาห์ ช่วงละ 150 ร้านค้า แล้วสลับกันไปในแต่ละรอบ ดังนั้นจึงเท่ากับว่าผู้สมัครเกือบทุกคนได้โอกาสเข้ามาค้าขายแน่นอน หากสินค้ามีคุณภาพตามกำหนด และผู้ค้าทำตามกฎระเบียบของการจัดงานโดยเคร่งครัด นี่คือการทำให้ผู้ค้าขายต้องรักษามาตรฐานสินค้า และรักษาเอกลักษณ์ของตนเองไว้ให้ดี เพื่อจะได้เป็นที่นิยมของคนซื้อสินค้า เมื่อตลาดตรงนี้สร้างความคึกคักในยามค่ำก็ส่งผลให้เศรษฐกิจของอยุธยาดีตามไปด้วย ได้ข่าวว่าโรงแรมในอยุธยามีผู้คนเข้าพักมากขึ้น เพราะเมื่อผู้คนเข้ามาเที่ยวตลาดค่ำ ก็มักจะนอนพักค้างคืน เพื่อรุ่งเช้าจะได้ท่องเที่ยวต่อไปในพื้นที่ต่าง ๆ ในอยุธยา
● งบประมาณจัดงานนี้ ใครสนับสนุนครับ
คุณวัชรพงศ์ : เป็นการลงขันกันระหว่างเอกชน พ่อค้าแม่ค้า โดยไม่ได้ของบประมาณจากทางจังหวัดเลยแม้แต่บาทเดียว เราลงทุนกันเอง บริหารจัดการกันเอง โดยร้านค้าแต่ละร้านจ่ายเงิน 300-500 บาท ในแต่ละวัน เราระดมทุนกันเอง โดยได้รับการอนุมัติการจัดงานจากจังหวัด นอกจากนั้นผู้ค้าขายทุกคนต้องช่วยกันรักษาความสะอาด ต้องร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย เรากำหนดว่าทุกร้านค้าต้องรับขยะอันเกิดจากการขายสินค้าในงาน ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าจากร้านไหนก็ตาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวไม่ต้องเดินหาถังขยะไกลๆ และเมื่อจบงานแล้ว ผู้ค้าทุกร้านต้องช่วยกันเก็บขยะ ดูแลความสะอาดปิดร้านให้ดี เพื่อรอเปิดใหม่ในวันถัดไป นี่คือการร่วมสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบร่วมกัน เราค้าขายตรงนี้ก็ต้องช่วยดูแลความสะอาดให้ดีที่สุด ต้องไม่ทำลายโบราณสถาน และในบริเวณนี้เราไม่อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขอย้ำว่าเราเปิดตลาดเฉพาะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เท่านั้น แต่ยกเว้นสัปดาห์ไหนหยุดยาวต่อเนื่อง เราก็เปิดตลาดในวันนั้นๆ ด้วยผมและคณะจัดงานพยายามให้คนขายของนำสินค้าที่หลากหลายมาจำหน่าย และไม่ให้ตั้งร้านขายสินค้าชนิดเดียวกันอยู่ติดกัน แต่จะให้กระจายออกไป โดยในแต่ละสัปดาห์จะมีสินค้าที่ซ้ำกันได้ไม่เกิน 5-6 ร้าน แต่ย้ำว่าต้องไม่ตั้งร้านติดกัน เพื่อจะได้ขายสินค้าได้เสมอหน้ากัน และเมื่อประกาศว่าจะขายสินค้าใดแล้ว จะเปลี่ยนแปลงโดยพลการไม่ได้ ตลาดของเรามีกติกาชัดเจนตายตัว เพื่อความเป็นระเบียบในการจัดการ
● เมื่อมองภาพรวมการจัดงานนี้ คิดว่าสร้างรายได้โดยร่วมให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประมาณเดือนละเท่าไรครับ
คุณวัชรพงศ์ : ประเมินเร็วๆ ได้ดังนี้ครับ สัปดาห์หนึ่งขายสามวัน เดือนหนึ่ง 12 วัน ตกเดือนละประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนโรงแรมก็ได้รายได้เพิ่ม รถรับจ้างก็ได้รายได้เพิ่ม ร้านค้าอื่นๆ ก็ได้รายได้เพิ่ม ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือร้านให้เช่าชุดไทย ในแต่ละวันได้เงินเป็นหลักหลายพันบาท เดือนหนึ่งๆ ก็ได้หลายหมื่นบาท นี่คือการกระตุ้นให้เศรษฐกิจของจังหวัดดีขึ้น กระเตื้องขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจังหวัดมีความคึกคักมากขึ้น มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น
● เวลาจัดงานใกล้กับโบราณสถานสำคัญ ต้องระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษครับ
คุณวัชรพงศ์ : อันดับแรกคือต้องไม่ด้อยค่าโบราณสถานเป็นอันขาด ต้องทำให้โบราณสถานคงคุณค่า คงความสำคัญไว้เสมอ ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาความสะอาด และต้องดูแลโบราณสถานให้ดีที่สุด ต้องจัดงานด้วยความเคารพสถานที่สำคัญ เวลาจะติดไฟ หรือประดับไฟก็ต้องทำให้เหมาะสม เวลาจะใช้เสียงในการจัดงาน ก็ต้องไม่ใช้เสียงดังมากเกินไป ต้องเน้นหลักเคารพสถานที่เป็นสำคัญ เวลาติดไฟประดับงาน ก็ต้องทำให้โบราณสถานดูเด่นยิ่งขึ้น ไม่ใช่ติดไฟแล้วทำให้โบราณสถานด้อยค่าลงไป เมื่อเรามีโบราณสถานสำคัญของชาติ เราก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด เพราะคือมรดกสำคัญของเราทุกคน และเป็นมรดกของชาวโลกด้วย เราจะเห็นได้ว่ามีผู้คนมากมายแต่งกายด้วยชุดไทยในสมัยโบราณเข้าไปถ่ายรูปกับพระปรางค์วัดราชบูรณะในยามค่ำคืน เป็นภาพที่ถือได้ว่ามีคุณค่าต่อเจ้าของภาพมากที่สุดภาพหนึ่ง จะเห็นได้ว่าทุกคนภาคภูมิใจกับโบราณสถานแห่งนี้
● ผมสนใจหลักการให้แม่ค้าแม่ขายร่วมมือกันจัดงาน และดูแลกันเอง เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ ช่วยอธิบายหลักการเพิ่มเติมด้วยครับ
คุณวัชรพงศ์ : ภาครัฐคงไม่สามารถทำอะไรได้ทุกเรื่อง ต้องปล่อยให้เอกชนทำเองจึงจะดีที่สุด เขาจะดูแลกันเอง จะรักษาผลประโยชน์กันเอง จะร่วมกันรับผิดชอบพื้นที่ค้าขายด้วยตัวเขาเอง นี่คือหลักการร่วมกันบริหารจัดการโดยภาคเอกชน โดยภาครัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้เอกชนเท่านั้น รัฐออกกฎระเบียนให้ชัดเจน แล้วให้เอกชนไปดำเนินการกันเอง โดยทำตามระเบียบที่วางไว้ ภาครัฐจะมาค้าขายแข่งกับเอกชนก็คงทำไม่ได้ดีเท่ากับปล่อยให้เอกชนทำกันเอง ดูแลกันเอง เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน ชุมชนมีรายได้ มีความเข้มแข็ง แล้วภาพรวมของประเทศก็จะเข้มแข็งตามไปด้วย
● หากจะให้แนะนำนักท่องเที่ยวว่าเมื่อมาอยุธยาแล้วต้องไปที่ไหนบ้าง จะแนะนำอย่างไรครับ
คุณวัชรพงศ์ : ขอแนะนำให้นอนค้างในอยุธยาอย่างน้อยหนึ่งคืนครับ มาถึงอยุธยาช่วงเช้าๆ แล้วไปไหว้พระวัดสำคัญๆ ในอยุธยา มีวัดสำคัญหลายร้อยแห่งเลือกได้เลยครับ เช่น วัดพนัญเชิง วัดใหญ่ชัยมงคลวัดมงคลบพิตร วัดหน้าพระเมรุ และอีกสารพัดวัด เอ่ยชื่อได้ไม่หมดครับ แล้วก็หาของอร่อยๆ มากมายในอยุธยารับประทาน เช่น กุ้งแม่น้ำย่าง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ขนมไทยสารพัดชนิด เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองข้าวเกรียบ ตกบ่ายก็ไปนั่งชิลๆ ตามร้านกาแฟเก๋ๆ ที่มีทั้งในและนอกเมือง โดยเฉพาะนอกเมืองมีคาเฟ่น่าสนใจกระจายในหลายพิื้นที่ แล้วเมื่อมาอยุธยาก็ต้องไม่พลาดการชมพิพิธภัณฑ์ ศูนย์ศิลปาชีพ ศิลป์แผ่นดินเป็นต้น เมื่อถึงยามค่ำก็ไปเที่ยวตลาดกลางคืน แล้วนอนพักในโรงแรมสักหนึ่งถึงสองคืน รุ่งเช้าก็ไปชมตลาดเช้าเช่น ตลาดเจ้าพรหม ตลาดหัวรอ เป็นต้น แล้วที่สำคัญหาเวลาไปล่องเจ้าพระยาในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย จะได้เห็นบ้านเรือน วัด โบราณสถานต่างๆ ที่อยู่ริมลำน้ำ จะได้ดื่มด่ำกับมรดกที่บรรพบุรุษของเราสร้างไว้ให้เราทุกคน แล้วลองจินตนาการนะว่า หากกรุงศรีอยุธยายังรุ่งเรืองจะงดงามสักเพียงใด ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าอย่าพลาดการไปเที่ยวชมพระราชวังบางปะอินด้วย และยังมีสถานที่สำคัญอันเกี่ยวข้องกับเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมากมาย เช่น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงปู่ดู่หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และไปไหว้รูปเหมือนหลวงปู่ทวดที่อำเภอมหาราช เป็นต้น สิ่งที่ผมเล่าให้ฟังนี้ล้วนแล้วแต่เป็น Soft Power ของไทยในอยุธยาทั้งสิ้น มาแล้วคุณจะได้ซึมซับพลังด้านบวกและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อยุธยาไปด้วย นี่คือมรดกที่บรรพบุรุษของเราสร้างไว้ให้เราทุกคน เรามาร่วมกันรักษา และร่วมกันภาคภูมิใจในมรดกของไทยด้วยกันนะครับ
คุณสามารถรับชมรายการไลฟ์ วาไรตี รายการที่ให้ทั้งสาระและความรู้ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 14.05-14.30 น. ทางโทรทัศน์ NBT ช่องหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี