กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระวังถูกยุงลายกัด ซึ่งนอกจากมีโอกาสป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว อาจป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทารกศีรษะเล็กและมีพัฒนาการช้า เนื่องจากในช่วงปลายปีที่แล้วและต้นปี 2567 นี้ พบกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และนักท่องเที่ยวติดเชื้อไวรัสซิกาจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ยปีที่ผ่านมา
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวของประเทศไทย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีอากาศเย็นมากนักยุงลายที่เป็นพาหะนำ 3 โรคยังสามารถขยายพันธุ์ได้ คือ โรคไข้เลือดออกปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 153,734 ราย เสียชีวิต 181 ราย โรคปวดข้อยุงลาย พบผู้ป่วย 1,371 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และโรคติดเชื้อไวรัสซิกาในปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 758 ราย ในจำนวนนี้ เป็นหญิงตั้งครรภ์ 33 ราย ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์จะส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมามีความผิดปกติศีรษะเล็ก หรือพิการแต่กำเนิด เป็นภาระของครอบครัว ซึ่งโรคนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศแอฟริกาและเคยพบประปรายในประเทศไทยหลายปีก่อน ปีที่ผ่านมามีรายงานพบทารกศีรษะเล็กยืนยันติดเชื้อไวรัสซิกา 13 ราย ทั้งนี้ ในระยะ 4 สัปดาห์ล่าสุด พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกามากที่สุด ในกรุงเทพมหานคร (40 ราย) ตามด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (13 ราย) อีกทั้งยังพบผู้ป่วยในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันและเนเธอร์แลนด์ที่กลับจากเกาะสมุยจำนวน 3 ราย
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า ขอแนะนำประชาชนว่าวิธีป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงลายกัดโดยการนอนในมุ้งหรือห้องที่ติดมุ้งลวด จุดยากันยุง หรือทาโลชั่นกันยุงและเก็บกวาดสถานที่ไม่ให้มีน้ำขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และเนื่องจากพบนักท่องเที่ยวป่วย จึงขอแนะนำผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่พักแรมเช่น โรงแรม รีสอร์ท ที่รับนักท่องเที่ยวเข้าพัก ควรจัดการที่พักของตนเองให้ปลอดจากยุงลาย โดยจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้ยุงลายมีที่วางไข่ กำจัดภาชนะกักเก็บน้ำชนิดต่างๆรวมไปถึงขยะเศษภาชนะ กล่องโฟม จานรองกระถางต้นไม้ หรือกาบใบไม้ใหญ่ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์ รวมทั้งแจกยาทากันยุงชนิดซอง หรือสเปรย์พ่นยุงในห้องพักด้วย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาส่วนใหญ่ อาการไม่รุนแรง ผู้ติดเชื้อมีอาการไข้ ร่วมกับผื่นแดง ตามร่างกาย ตาแดง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ หากสงสัย ให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ และหากพบว่าตนเองป่วยเป็นโรคไวรัสซิกา ควรปฏิบัติตัวเพิ่ม 3 ประการคือ ทายากันยุงวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน และงดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดแล้วนำเชื้อไวรัสไปให้คนรอบตัว และเนื่องจากพบว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถอยู่ในสารคัดหลั่งของผู้ชายได้จึงควรใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลา 3 เดือนหากมีเพศสัมพันธ์ ขอสื่อสารไปยังประชาชนว่าโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการเดียวกันกับ โรคไข้เลือดออก และกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญ คือ หญิงตั้งครรภ์ และคู่สมรสที่วางแผนจะมีบุตร ต้องป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี