นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาสวิสส่วนใหญ่จะเดินทางโดยทางอากาศ และเข้าประเทศทางเมือง Zurich บางคนเลยเข้าใจว่า Zurich เป็นเมืองหลวงของสวิส แต่แท้ที่จริงแล้ว เมืองหลวงของสวิสคือ Bern เมืองที่มีประชากรเพียงแค่ 133,000 คนเท่านั้น น้อยกว่า Zurich, Geneva, Basel และ Lausanne เสียอีก การที่เมืองหลวงของสวิสไม่ได้แออัดไปด้วยประชากรเฉก เช่น กรุงเทพฯ หรือเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ไม่ได้เป็นเพราะทุกเมืองของสวิสมีความเจริญทั้งทางด้านสาธารณูปโภค และโอกาสทางการค้าพอๆ กัน แต่ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์มากกว่า
หลายคนคงสงสัยว่า แล้วทำไมสวิสจึงไม่เลือกเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม หรือเมืองที่มีประชากรมากเป็นเมืองหลวงเหมือนอย่างชาติอื่นๆ แท้ที่จริงแล้ว สวิสไม่ได้มีเมืองหลวงที่แท้จริงเฉกเช่นชาติอื่นมาช้านาน ทั้งนี้เพราะประเทศนี้รวมตัวกันด้วยระบบสมาพันธ์ซึ่งหมายถึงการรวมตัวกันของพันธมิตรเฉกเช่นเดียวกันกับการก่อตั้งประเทศของสหรัฐฯ แต่ละรัฐที่มารวมตัวกันมิได้มีความเหมือนกันมากนัก เมืองหลวงของสวิสระหว่างปี 1291-1798 นั้นมักจะเป็นการหมุนเวียนแล้วแต่การตกลงกันของสมาชิก หลังจากที่นโปเลียนบุกสวิสในปี 1798 การก่อตั้ง Helvetic Republic ก็ถือกำเนิดขึ้นและได้ตั้งให้ Aarauเป็นเมืองหลวงก่อนที่จะขยับไปที่ Lucerne แต่ก็เป็นเมืองหลวงเพียงไม่กี่เดือน ในช่วงที่นโปเลียนได้ครอบครองสวิสจึงมีบัญชาให้หมุนเวียนเมืองหลวงระหว่างFribourg, Soloturn, Lucerne, Bern, Zurich และBasel เมืองละ 1 ปี ไปเรื่อยๆ จนสิ้นสุดสมัยนโปเลียนครองเมือง
ในที่สุดเมื่อสวิสตัดสินใจรวมตัวกันเป็นสมาพันธรัฐอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1848 สมาชิกก็ได้เลือกเอา Bern เป็นเมืองหลวงแทนที่จะใช้ Zurich หรือ Lucerne ทั้งนี้เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้Zurich หรือ Lucerne ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่อยู่แล้วมีอำนาจและความสำคัญมากเกินไป ยิ่งกว่านั้น Bern ยังเป็นเมืองที่อยู่กลางประเทศและยังเป็นเมืองที่สนับสนุนพันธรัฐที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างดี แม้ชาว Bern จะใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาหลักก็ตาม
หลักฐานทางโบราณคดีพบว่า Bern เป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 ในยุคที่โรมันรุ่งเรือง จูเลียส ซีซาร์ ก็ได้เคยพูดถึงเมืองนี้อยู่ ในยุคกลางเมื่อ Upper Burgundy เรืองอำนาจ Berthold V, Duke of Zahringen ได้ก่อตั้ง Bern ขึ้นในปี 1191 ต่อมาในปี 1353 Bern ได้เข้าร่วมเป็นสมาพันธรัฐกับสวิส หลังจากที่เมืองถูกไฟไหม้ในปี 1405 บ้านเรือนส่วนใหญ่ที่เคยเป็นไม้ถูกแทนที่ด้วยหินทรายและอาคารก็มีสภาพอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แม้กรุงเบิร์นจะไม่ได้มีเขาให้ขึ้นเฉกเช่น Interlaken, Lucerne และไม่ได้เป็นปลายทางของสนามบินเฉกเช่น Zurich แต่เมืองนี้ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้เพราะเมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่1983 สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนก็คือ ย่านเมืองเก่าที่คราคร่ำไปด้วยบ้านที่สร้างจากหินทราย ประติมากรรมหัวเสาต่างๆ และหอนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี