ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงบรรยายพิเศษ เรื่อง การเกิดโรคมะเร็ง หรือ Oncogenesis พระราชทานแก่นักศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 และคณาจารย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน
24 มกราคม 2567 ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปยังชั้น ๓ อาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ทรงบรรยายพิเศษ เรื่อง การเกิดโรคมะเร็ง หรือ Oncogenesis พระราชทานแก่นักศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 และคณาจารย์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นวันที่ 3 โดยทรงบรรยายพิเศษพระราชทานต่อเนื่องในหัวข้อ เรื่อง "การควบคุมการเพิ่มจำนวนของเซลล์ และการเกิดเซลล์ตายและเมแทบอลิซึมของเซลล์มะเร็ง" ซึ่งวัฏจักรของเซลล์ หรือ วงจรการแบ่งตัวของเซลล์มี 4 ระยะ ในแต่ละระยะจะมีจุดที่ตรวจสอบและควบคุมความถูกต้องและคุณภาพการทำงานของเซลล์ โดยมีความสำคัญของกระบวนการส่งสัญญาณเข้าสู่เซลล์ ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองของเซลล์ ซึ่งปกติร่างกายจะมีการควบคุมให้มีความสมดุลและเหมาะสมหากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการควบคุมในระบบก็จะนำไปสู่การเกิดเป็นมะเร็งขึ้นได้ การที่เซลล์มะเร็งมีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบของกระบวนการเมแทบอลิซึม ซึ่งประกอบด้วยปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามลำดับ เพื่อช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย และเรื่อง "กลไกการเกิดพยาธิสภาพ ของมะเร็งในระดับโมเลกุลและระดับเซลล์ เป็นกุญแจไปสู่การรักษาในอนาคต" ซึ่งมีการค้นพบและเข้าใจกลไกการเกิดพยาธิสภาพของมะเร็งในระดับโมเลกุลและเซลล์ จนสามารถวินิจฉัยโรคให้เข้าถึงลักษณะเฉพาะของเซลล์มะเร็งมากขึ้น
ปัจจุบัน มีการใช้เทคนิคการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกของยีนต่าง ๆ โดยสามารถแยกความแตกต่างของมะเร็งแต่ละชนิดในระดับยีนได้ ทำให้แพทย์มีการพยากรณ์โรคแม่นยำ สามารถเลือกแผนการรักษาและยาได้ตรงกับโรค โดยกว่า 40 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนายารักษาโรคมะเร็งที่หลากหลายหนึ่งในนั้นคือการพัฒนา ยากลีเวค หรือ ยาอิมาทินิบ ที่รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง ซึ่งเป็นยาตัวแรกที่พิสูจน์ให้เห็นความสำเร็จของหลักการในการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า ด้วยการใช้ข้อมูลพันธุกรรมที่จำเพาะของมะเร็ง มาพัฒนาหาแนวทางการรักษา นำไปสู่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ด้านโรคมะเร็ง
ซึ่งวันนี้ เป็นการบรรยายพิเศษ เรื่อง การเกิดโรคมะเร็ง ใน 6 หัวข้อหลัก เสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมา ทรงมุ่งมั่นและมีพระวิริยะอุตสาหะ ทรงบรรยายด้วยความตั้งพระทัย โดยมีพระประสงค์ที่จะพระราชทานความรู้แก่นักศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถนำไปต่อยอดช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไปในอนาคต
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นโรงเรียนแพทย์ลำดับที่ 23 ของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานสากลของ World Federation for Medical Education โดยสถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาแพทยศาสตร์และแพทยสภา จัดตั้งขึ้นโดยพระปณิธานใน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ด้วยพระวิสัยทัศน์กว้างไกลที่จะยกระดับการศึกษาทางด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในประเทศไทย ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและเครือข่ายสถาบันการแพทย์ชั้นนำในการผลิตหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อสร้างแพทย์และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสำคัญและตอบสนองต่อความต้องการของประเทศชาติ โดยวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดการเรียนการสอนในหลักสูตรที่ทันสมัยทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก เพื่อมุ่งผลิตบัณฑิตแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้นำด้านสุขภาพและการบริการทางการแพทย์ ที่มีความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี