เพื่อรับมือผลกระทบด้านสุขภาพ จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัยกีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ แพทย์หญิงอัจฉรานิธิอภิญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าวนโยบายและการดำเนินงานแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้านการแพทย์และสาธารณสุขปี 2567
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์และผู้มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ หัวใจและหลอดเลือด จะมีอาการที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสเร็วกว่าประชาชนทั่วไป และอาจมีอาการของโรคกำเริบได้
จากสถานการณ์ PM2.5 ที่มีแนวโน้มเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ในปี 2567 นี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน และรักษา โดยในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ จะมุ่งเน้นการสื่อสาร ให้คำแนะนำในการป้องกันตนเอง การจัดทำ Clean Room (ห้องปลอดฝุ่น) ในชุมชนตั้งเป้าหมายให้มีห้องปลอดฝุ่นทุกอำเภอ และให้ทีม อสม. ลงปฏิบัติการเชิงรุกให้คำแนะนำและประเมินสุขภาพประชาชนเบื้องต้น ส่วนในการรักษาพยาบาล ได้จัดบริการคลินิกมลพิษกระจายอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 90 แห่งเพื่อให้คำแนะนำและรักษาพยาบาลผู้ป่วย และมีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การดูแลเชิงรุก มีระบบ telemedicine หรือสายด่วนให้คำปรึกษาแนะนำ รวมทั้งเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เมื่อปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และให้การดูแลประชาชนได้ทันเวลา
พญ.อัจฉรา นิธิอภิญาสกุล กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5มีแนวโน้มสูงกว่าปีที่ผ่านมาแทบทุกพื้นที่ และอาจจะรุนแรงกว่า โดยสถานการณ์ล่าสุด วันที่ 25 มกราคม 2567 พบว่าเกินมาตรฐานทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลภาคกลางและตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคเหนือ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ยกระดับมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขให้เข้มข้นขึ้น ประกอบด้วย 4 มาตรการ ได้แก่ 1.ส่งเสริมการลดมลพิษ/สื่อสารสร้างความรอบรู้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งเด็กเล็กผู้สูงอายุ ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และผู้ที่มีโรคประจำตัว 2.ลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ 3.จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ 4.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในระบบบัญชาการเหตุการณ์ และส่งเสริมและขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย โดยได้เปิดศูนย์เฝ้าระวังเพื่อสื่อสาร แจ้งเตือนสถานการณ์ ประสานและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลประชาชน
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร กล่าวว่า จากฐานข้อมูล Health Data Center กรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังสุขภาพกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่มโรค แบ่งเป็นผู้มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลให้อาการกำเริบ คือ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง พบ 279,474 ราย โรคหืดเฉียบพลัน 20,052 ราย โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 5,265 ราย และประชาชนทั่วไปที่รับสัมผัสฝุ่น PM2.5 อาจก่อให้เกิดโรคตาอักเสบ หรือโรคผิวหนังอักเสบ และดำเนินการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคภายใต้ 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1.พัฒนาฐานข้อมูลเพื่อการเฝ้าระวังโรคจากฝุ่น PM2.5 โดยพื้นที่จัดทำข้อมูลเฝ้าระวังสุขภาพจากปริมาณฝุ่น PM2.5 2.ยกระดับการจัดบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มกิจกรรมการคัดกรองโรคจากฝุ่น PM2.5 ทั้งเชิงรับและเชิงรุก และมีการสื่อสารความเสี่ยงแก่กลุ่มผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ 3.สร้างความรู้ สื่อสารความเสี่ยง และพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบาง และ 4.ขับเคลื่อนกฎหมาย นโยบาย และมาตรการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ แนะนำประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด” คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ทำความสะอาดบ้านด้วยผ้าชุบน้ำ หากจำเป็นต้องออกจากบ้าน ให้ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 เลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ลดการก่อฝุ่น PM2.5 อาทิ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หมั่นเช็คสภาพรถยนต์ ใช้บริการรถสาธารณะ ไม่เผาป่า หรือเผาขยะในครัวเรือน ลดการจุดธูป เทียน
ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์กล่าวว่า กรมการแพทย์ได้เปิดคลินิกมลพิษแห่งแรก ที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีเป็นคลินิกเฉพาะทางที่ให้บริการผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม เฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีการสัมผัสฝุ่น และให้คำแนะนำการป้องกันการเกิดอาการซ้ำจากการสัมผัสฝุ่นรวมทั้งการดูแลรักษาทั้งระบบ Onsite และ Telemedicine และสร้างเครือข่ายคลินิกมลพิษในโรงพยาบาลภาครัฐ จำนวน 90 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ได้พัฒนาให้เป็นคลินิกมลพิษ Online ผ่านแอปพลิเคชั่น Line ซึ่งมีการแจ้งเตือนค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ รวมทั้งสามารถให้คำแนะนำในการดูแล บรรเทาอาการเบื้องต้น และหากมีอาการรุนแรงสามารถลงทะเบียนพบแพทย์ในระบบ Telemedicine ได้
ทั้งนี้ หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 สามารถปรึกษาหรือรับบริการได้ที่หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศ หรือสอบถามสายด่วนกรมอนามัย 1478 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี