สธ.จับมือกทม.ผุดโครงการ 80/20 เพื่อชีวิตดีผู้สูงอายุ เสริมคุณภาพชีวิตวัยเก๋า มอบของขวัญวันผู้สูงอายุปี67 เผยผลสำรวจน่าห่วงอายุ 60 ปีเหลือฟันแค่18ซี่ ชี้กระทบการเคี้ยวกลืนอาหาร-เข้าสังคม ตั้งเป้า50%ของคนอายุ80 ปี ต้องมีฟันเหลือ20ซี่ขึ้นไป
กรุงเทพมหานครได้จัดงานเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ และวันผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร โดยจัดเสวนาประสาคนสูงวัย "หยุดสูงวัยไว้แค่ 60 “ ด้วยการรักษาสุขภาพในช่องปากในประเด็น"80/20 รหัสลับ ชีวิตดี ยามสูงวัย" เพื่อเตรียมฟันดีก่อน60ปี ได้คุณภาพชีวิตที่ดี
นางกรกมล นิยมศิลป์ ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ รักษาการผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยแล้วในปี 2563 ขณะที่การสำรวจปัญหาสุขภาพในช่องปากของผู้สูงอายุพบว่าร้อยละ 51.07 ของผู้สูงอายุมีโรคฟันผุ และร้อยละ 12.2 ของผู้สูงอายุมีโรคปริทันต์ระดับรุนแรง
“เรื่องน่าเป็นห่วงคือปัญหาสุขภาพในช่องปากของผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบกับการเคี้ยวอาหาร การกลืน การพูด และการเข้าสังคม ดังนั้นการรักษาสุขภาพในช่องปากทำให้ผู้สูงอายุไม่เจ็บปวด ไม่มีกลิ่นปาก กินอาหารได้ตามปกติ ลดความรุนแรงของโรคเบาหวาน และความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ โดยเฉพาะปัญหาปอดติดเชื้อจากการสำลัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้”
ทั้งนี้สาเหตุของปัญหาสุขภาพในช่องปากของผู้สูงอายุ ส่วนหนึ่งมาจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และผู้สูงอายุสูบบุหรี่ เฉลี่ย10 มวนต่อวัน เป็นเวลาต่อเนื่องนานมากกว่า 35 ปี และยังพบว่าพฤติกรรมการทำความสะอาดฟันไม่ดีพอ ใช้ยาสีฟันไม่มีส่วนผสมฟูลออไรด์ ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมามีผู้สูงอายุร้อยละ 61ไม่เคยเข้ารับบริการทันตกรรม โดยมีเพียงร้อยละ 39 เคยเข้ารับบริการทันตกรรม เฉลี่ยประมาณคนละ 2 ครั้งต่อปี
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพของประเทศไทยครั้งล่าสุดปี2560 ว่าเมื่อเข้าวัยสูงอายุคือ 60 ปีจะเหลือฟันเพียง 18 ซี่ และ ลดลงตามอายุที่มากขึ้น จนเมื่ออายุ 80 ปีเหลือฟันเพียง 10 ซี่ ดังนั้น เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำแผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุไทยเพื่อส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ โดยตั้งเป้าไว้ ร้อยละ 80 ของผู้สูงอายุมีฟันแท้ 20 ซี่ หรือ 4 คู่สบฟันหลัง
“ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมีเพียงร้อยละ50 เท่านั้น ที่มีฟันเหลือ 20 ซี่ ฉะนั้น เราจะรณรงค์การรักษาฟันแท้ให้ได้ 20 ซี่ไปจนถึงอายุ 80 ปี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก และถือเป็นรหัสลับ 80 /20 ที่เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุ โดยพื้นที่เป้าหมายในการณรงค์สร้างสุขภาพในช่องปากของผู้สูงอายุจำนวน 10 แห่ง ได้แก่ จ.แพร่, ลำพูน, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, นครปฐม, สิงห์บุรี, สุราษฎร์ธานี, ปัตตานี และ กรุงเทพมหานคร
ด้าน ทพ. เธียรชัย วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองทันตสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงข้อมูลสุขภาพในช่องปากของวัยทำงานในกทม. มีฟันใช้งาน 20 ซี่ หรือมีฟันหลังใช้เคี้ยวอย่างน้อย 4 คู่สบ ร้อยละ 85 แต่ลดลงเหลือร้อยละ 57 ในวัยผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปี ขึ้นไป ปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบมากในผู้สูงอายุกทม. ทั้งปัญหาการบดเคี้ยวเนื่องจากสูญเสียฟัน ปัญหาฟันผุ ฟันสึก รากฟันผุ และปัญหาโรคปริทันต์อักเสบ ปัญหาอื่น ๆ ซึ่งนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงทำงานร่วมกับเครือข่ายชมรมผู้สูงอายุสร้างสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพใจ ในชมรมผู้สูงอายุในกทม. 410 แห่ง และชมรมในความดูแลของสำนักอนามัย 259แห่ง เพื่ออบรมแกนนำชมรมผู้สูงอายุในส่งเสริมสุขภาพช่องปาก เช่น การตรวจคัดกรอง การสอนและฝึกทักษะการดูแลสุขภาพช่องปากแก่สมาชิกชมรม การจัดกิจกรรมแปรงฟันในชมรมผู้สูงอายุ การให้บริการทาฟูลออไรด์ เป็นต้น
ส่วนการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการสูญเสียฟัน ตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน วัยผู้สูงอายุ คือ 1.การดูแลทำความสะอาดช่องปากอย่างเหมาะสม แปรงฟันสูตร 2-2-2 คือแปรงวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,500 ppm ไม่ต้องบ้วนน้ำตาม แปรงนานอย่างน้อย 2 นาที ไม่ทานอาหาร 2 ชั่ว โมงหลังแปรงฟัน 2. รับประทานอาหารที่เหมาะสม และเลี่ยงอาหารหวาน เหนียว แข็ง 3.หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การใช้ฟันผิดวิธี การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เคี้ยวหมาก 4. หมั่นตรวจสุขภาพช่องปากของตนเองเป็นประจำ และหมั่นบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า ลิ้น และนวดกระตุ้นต่อมน้ำลาย 5.รับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก ปีละ 1- 2 ครั้ง
ขณะที่ ทพ.พูลพฤกษ์ โสภารัตน์ สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนา มัย กล่าวว่า แนวคิด 80 /20 มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นแบบของการมีผู้สูงอายุจำนวนมาก จึงนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย คาดหวังอยากให้ผู้สูงอายุรักษาช่องปากให้ดี ควรต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็กวัยทำงานจนถึงสูงวัย โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2580 ผู้สูงวัยอายุ 80 ปี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จะมีฟันในช่องปาก20 ซี่ได้ จึงหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดกระแสในภาพใหญ่ให้คนไทยรู้จัก 80/20 คืออะไรก่อน
"ในอดีตมีความเชื่อว่า เมื่อสูงวัยแล้วฟันก็จะหลุดไปเป็นธรรมดา แล้วก็ใส่ฟันปลอมเอา เป็นความเชื่อที่ผิด เราต้องแก้ความเชื่อนี้ให้ได้ว่าฟันปลอมไม่มีทางแทนฟันธรรมชาติได้ สิ่งที่พอทดแทนได้ดีที่สุดคือรากเทียม แต่ใส่เท่าไหร่ถึงจะพอ ดังนั้น ที่ดีกว่าคือเรามีฟันธรรมชาติ เพราะธรรมชาติออกแบบมาดีอยู่แล้ว จึงต้องสร้างความเชื่อว่าฟันควรจะอยู่กับเราไปตลอด และการแปรงฟันช่วยได้จริงๆ "
ทพ.พูลพฤกษ์ กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายที่จะต้องรณรงค์เพิ่มมากขึ้นคือกลุ่มคนวัยทำงาน เพราะผลสำรวจพบว่ากลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยทำงานอายุ 35 -45 ปี มีฟันที่ยังดีอยู่ 28 ซี่ แต่พออายุ 60 ปีฟันเหลือ 20-21 ซี่ และพอเข้าสู่สูงวัยฟันหายไปเลย โดยอายุ 70 ปี ฟันเหลือแค่ 15 ซี่ เมื่ออายุ80 ปีก็เหลือเพียง 10 ซี่ ซึ่งช่วงหายที่ไปคือช่วงที่โรคกำเริบ จึงต้องรักษาฟันด้วยการยืดระยะคนวัยทำงานที่มีฟัน 28 ซี่ ให้ยาวขึ้น และพออายุ 60 ปี จากที่จะเหลือแค่ 20 ซี่ ก็ให้เหลือ25 ซี่ เพื่อที่เมื่ออายุ 80 ปี ก็จะยังเหลือฟันไม่น้อยกว่า 20 ซี่ ดังนั้นจึงควรต้องรณรงค์ให้กลุ่มคนวัยทำงานก่อนเกษียณอายุจะต้องมีฟันเหลือไม่น้อยกว่า 24 ซี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน ทพญ.สุปราณี ดาโลดม ผู้แทนจากมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ส่งมอบนวัตกรรมอาหารทางการแพทย์ที่มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ ทำการศึกษาวิจัย พัฒนา ได้แก่ เจลลี่โภชนา และวุ้นชุ่มปาก ให้กทม.ได้นำไปมอบแก่ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการกลืนอาหารด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี