สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร (รัชกาลที่ 10) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลของประเทศชาติเป็นที่ปลาบปลื้มปีติยินดีของพสกนิกรโดยทั่วกัน
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีกำหนดการพระราชพิธีเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1.พระราชพิธีเบื้องต้นประกอบด้วย การเตรียมน้ำอภิเษก การจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกร ระหว่างวันที่ 6-23 เมษายน พ.ศ. 2562 ช่วงที่ 2.พระราชพิธีเบื้องกลาง คือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กำหนดวันที่ 2-6 พฤษภาคม พ.ศ.2562 และช่วงที่ 3.พระราชพิธีเบื้องปลาย คือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ไปยังวัดอรุณราชวราราม
ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ.2562
ซึ่งพิธีทำน้ำอภิเษกนั้น ทำพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วราชอาณาจักร จำนวน 107 แห่งตามโบราณราชประเพณี และทำพิธีพร้อมกันในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2562 จากนั้นตั้งพิธีทำน้ำอภิเษก ณ พระอารามสำคัญประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัด 76 แห่ง ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2562 และเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษกในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2562 ต่อมาในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2562 ทุกจังหวัดเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดมาตั้งไว้ในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม เพื่อเสกน้ำอภิเษก ประกาศชุมนุมเทวดา ทำน้ำเทพมนตร์ เจริญพระพุทธมนต์ทำน้ำพระพุทธมนต์ โดยรวมกับน้ำอภิเษกของกรุงเทพมหานคร (จากหอศาสตราคม พระบรมมหาราชวัง)
และวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2562 แห่เชิญน้ำอภิเษกทั้ง 77 จังหวัด รวมทั้งน้ำเบญจสุทธคงคา (แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำราชบุรี และแม่น้ำเพชรบุรี) และน้ำจากสระ 4 สระ (สระแก้ว สระเกษ สระคา สระยมนา) ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อพราหมณ์ประกอบพิธี ส่วนในวันที่ 22-23 เมษายน พ.ศ.2562 มีพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระปรมาภิไธย ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ตลอดจนจารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรี
รัตนศาสดาราม
ในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 5 ณ พระลานพระราชวังดุสิต จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะปฐมบรมราชานุสรณ์ ณ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า และเสด็จฯ ไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อทรงบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2562 มีพิธีแห่เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงนมัสการพระรัตนตรัย ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ถวายบังคมพระบรมอัฐิพระอัฐิ ณ หอพระธาตุมณเฑียร เมื่อได้เวลามหามงคลฤกษ์จุดเทียนชัย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
ในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ทรงสรงพระมุรธาภิเษก ณ มณฑปพระกระยาสนาน บริเวณชาลา พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน โดยน้ำสรงพระมุรธาภิเษก เป็นน้ำจากเบญจสุทธคงคา และน้ำจากสระ 4 สระ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี และทรงรับน้ำพระพุทธมนต์ และน้ำเทพมนตร์ตามลำดับ ทรงรับน้ำอภิเษก ซึ่งเป็นน้ำจากทุกจังหวัดที่ประกอบพิธีแล้ว ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์
จากนั้นทรงรับพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระปรมาภิไธย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัสตราวุธ ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงรับถวายพระพรชัยมงคลจากพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แล้วเสด็จฯ โดยขบวนราบใหญ่ ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก
เสด็จฯ ไปถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร และเสด็จฯ ไปถวายบังคมพระบรมอัฐิ พระอัฐิ สมเด็จพระบรมราชบุพการี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงพระแท่นราชบรรจถรณ์ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร
ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในการพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธยพระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธาน และพระบรมราชสรีรางคาร
ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้นำศาสนาและผู้แทนคณะพาณิชย์ เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล แล้วเสด็จออก ณ สีหบัญชร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นเสด็จออกให้คณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ ท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ทั้งนี้ หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ.2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ไปยังวัดอรุณราชวราราม เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน
หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ “ประมวลองค์ความรู้พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” โดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี