เนื่องในวันคุ้มครองโลก Earth Day ที่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNEP) กำหนดขึ้นเพื่อให้ประชาคมโลกเกิดความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมโลก ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย หลายหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนได้หันมาใส่ใจในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ เช่นเดียวกับเอ็ม บี เค ที่กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนติดตั้ง Solar Rooftopที่ถือว่าเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมลดการปล่อย CO2 และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ นอกจากนี้ยังสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการใช้ในครัวเรือนให้กับการไฟฟ้าได้อีกด้วย โซลาร์ ไม่ใช่เพียงแค่แฟชั่น แต่เป็นเทรนด์ระยะยาวของเทคโนโลยีที่จะเป็นเกราะป้องกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
“การบริหารธุรกิจให้มั่นคงแข็งแกร่ง ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นหน้าที่สำคัญของกลุ่มเอ็ม บี เค ที่ต้องดูแลและเอาใจใส่รักษาสภาพแวดล้อม ตั้งแต่กระบวนการภายในไปจนถึงการสนับสนุนกิจกรรมที่คำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ประโยคสะท้อนแนวคิดของ วิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)ที่มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค แบรนด์เก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองไทยมากว่า40 ปี ให้เป็นกลุ่มธุรกิจยุคใหม่ที่ตอบแทนสังคม
แนวคิดองค์กรสีเขียว (Green Organization)หรือองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นภายในประเทศตามทิศทางกระแสโลก โดยเฉพาะหลังไทยประกาศยกระดับการลดภาวะก๊าซเรือนกระจก หรือการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 หรือ พ.ศ. 2608 ความท้าทายส่งผลให้เกิดความร่วมมือกันในหลายภาคส่วน ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ ถูกนำมาบริหารจัดการใช้ทรัพยากรด้านพลังงานให้คุ้มค่าตามนโยบายการพัฒนาความยั่งยืนนโยบายการจัดการพลังงานที่ยั่งยืน และนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดสรรการใช้ทรัพยากรน้ำพลังงานไฟฟ้า ลดขยะมลพิษ และของเสียจากห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ตามมาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001:2018 อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจเอ็ม บี เค เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารธุรกิจ ภายใต้ความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงสะท้อนให้เห็นทั้งต้นทุน และการประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระยะยาว ตรงกับจุดยืนของเอ็ม บี เค ในฐานะผู้นำธุรกิจพลังงานสีเขียว และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมทั้งสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ประเทศไทยไปพร้อมกัน เพื่อนำนวัตกรรมการผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนด้วยระบบ โซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ระบบผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในอาคาร ช่วยลดค่าไฟฟ้ารายเดือนของแต่ละอาคารมาติดตั้งในพื้นที่ธุรกิจอย่างจริงจัง สอดคล้องกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ต่างเล็งเห็นความสำคัญของพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานจากธรรมชาติก่อนถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงหันมาส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น ทั้งนี้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นับเป็นพลังงานหมุนเวียน (RenewableEnergy) ใช้แล้วไม่หมดและยังเป็นพลังงานสะอาด ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หลายประเทศจึงกำหนดนโยบายการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลลง
จากจุดเริ่มต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน ธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค มุ่งเน้นการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDG) (เป้าหมายที่ 13)การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) ประกอบกับการที่ปัจจุบันภาครัฐได้เริ่มเข้ามาสนับสนุนเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (BCG) ทั้งนี้เอ็ม บี เค ตั้งเป้าการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในธุรกิจต่างๆของเครือฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 โดยคำนึงถึงมาตรการควบคุมการใช้พลังงานตามนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี