ท่ามกลางโลกใบนี้ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ผู้คนใช้ชีวิตไปกับการเร่งรีบแทบไม่มีเวลาหยุดพักมีผลต่อจิตใจ เช่น เกิดความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือซึมเศร้าการใช้ชีวิตอยู่ให้มีความสุขอย่างแท้จริงจึงดูเหมือนเป็นเรื่องยากมากขึ้นทุกที ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น มันอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด เพียงแต่เรามักจะมองข้ามไปอย่างไม่ทันรู้ตัว แล้วการใช้ชีวิตให้มีความสุขต้องทำอย่างไร?
ฐิติมา พัฒนโพธิกุล นักจิตวิทยาคลินิก โรงพยาบาล BMHH - Bangkok Mental Health Hospital มีคำแนะนำดีๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเราเอง
ออกกำลังกาย ดูแลได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
เพราะสุขภาพกายและสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์แยกขาดออกจากกันไม่ได้ ดังคำที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” หมายถึงจิตเป็นตัวกำหนดและควบคุมร่างกาย หรือกล่าวได้ว่า สุขภาพจิตดีมักอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์และแข็งแรง แต่หากร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อยๆ จิตใจก็จะหดหู่ ไม่สดชื่นแจ่มใส ดังนั้น การใช้ชีวิตให้ดีมีความสุข จึงควรดูแลรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป
วิธีปฏิบัติง่ายๆ ที่สามารถดูแลให้ร่างกายและจิตใจมีความสุขไปพร้อมๆ กัน คือ การออกกำลังกาย ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอ เพราะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีเรี่ยวแรงและพละกำลังมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ส่วนในแง่ของสุขภาพจิต การออกกำลังกายจะทำให้หัวใจเต้นแรง มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองเยอะขึ้น เพิ่มความแข็งแรงให้กับสมอง ส่งผลดีต่อการหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน (Endorphin) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สารสุข” ซึ่งออกกำลังกายแค่ 20 นาทีขึ้นไป ก็สามารถกระตุ้นการหลั่งของเอ็นโดรฟินได้แล้ว
ฐิติมา พัฒนโพธิกุล นักจิตวิทยาเด็ก
ทั้งนี้ การออกกำลังกาย ควรหลีกเลี่ยงในช่วงค่ำๆถ้าเป็นไปได้ออกกำลังกายให้เสร็จก่อนหนึ่งทุ่ม เพราะส่วนหนึ่งการออกกำลังกายจะไปกระตุ้นให้สมองตื่นตัวไม่เหมาะกับช่วงเวลาที่ร่างกายต้องได้รับการพักผ่อน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย
เพราะการเลือกรับประทานอาหารเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพใจตามมา ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานอาหารให้สมดุล ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เลือกอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูง เช่น ผักใบเขียว รวมถึงผลไม้ ลดการบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และอื่นๆ และขาดไม่ได้ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยรักษาความสมดุลของระดับน้ำในร่างกาย
แค่รู้จัก “ให้” สุขง่ายๆ ทั้งผู้ให้และผู้รับ
อีกหนึ่งวิธีที่ทำแล้วทั้งตัวเราและคนรอบข้างมีความสุขนั่นก็คือ “การให้” ซึ่งมีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องให้เงินทอง หรือสิ่งใหญ่โต อาจแค่ให้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น รอยยิ้ม เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและทุกคนทำได้ ให้กำลังใจ ให้ความรู้ หรือให้ความช่วยเหลือกับคนอื่นเท่าที่สามารถทำได้ เพียงเท่านั้นก็จะรู้สึกอิ่มเอม เพราะทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าและมีความหมาย เกิดความชื่นชมตัวเองรวมทั้งทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างเราและคนรอบข้าง โดยการได้ทำสิ่งดีๆ ให้ผู้อื่นมีความสุข ตัวเราก็จะมีความสุขไปด้วย
ทำกิจกรรมผ่อนคลาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นอนน้อย นอนไม่หลับ มักสร้างความหงุดหงิดอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตที่ดี ดังนั้น ต้องรักษาสุขนิสัยการนอนให้ดี คือ เข้านอนและตื่นให้ตรงเวลา ไม่นอนกลางวัน แต่ถ้านอนไม่หลับให้ลองหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำดู เช่น นั่งโซฟาฟังเพลงเบาๆ ดื่มนม กินกล้วย หรืออาหารที่มีกาบา จะช่วยให้หลับสบายง่ายยิ่งขึ้น
มีสติรู้ทันจิต คิดบวกให้เป็น มองปัญหาไม่เกินจริง
การมี “สติ” รู้เท่าทันความคิดเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหลายครั้งเรามักปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อย บางครั้งปรุงแต่งคิดลบมองปัญหาไปใหญ่โตเกินความเป็นจริง ท่องจำไว้ให้ขึ้นใจว่าเหรียญมีสองด้าน ดังนั้น เมื่อเจอด้านร้ายคิดลบต้องพยายามมองหามุมบวกให้เจอด้วย ชีวิตเราก็จะอยู่บนความเป็นจริงมากขึ้น และสิ่งสำคัญต้องไม่เก็บทุกเรื่องราวมาคิดเล็กคิดน้อยจนเกิดความเครียด เพราะจะทำให้เกิดสารพิษต่อเซลล์สมองจนเสียสมดุล
เพราะความสุขขึ้นอยู่กับมุมมองและความคิดของแต่ละคนมากสิ่งใด ไม่ใช่ใครอื่นหรือวัตถุสิ่งของ เราแค่ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ รวมถึงความคิด ก็สามารถใช้ชีวิตให้อยู่ดีมีความสุขได้ไม่ยาก เริ่มง่ายๆ ได้ด้วยตัวเราเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี