สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับมูลนิธิ SOS และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัว “โครงการจัดตั้งธนาคารอาหารของประเทศไทย (Thailand’s Food Bank) : การบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน คำตอบในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” เพื่อสร้างต้นแบบระบบการบริหารจัดการอาหาร ส่งต่ออาหารส่วนเกินไปยังกลุ่มเปราะบางของสังคมไทย มุ่งลดปริมาณขยะอาหารด้วยการจัดการอาหารส่วนเกิน ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดอาหารส่วนเกิน และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอาหาร พร้อมกันนี้สวทช. ยังสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการอาหารส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพได้แก่ แพลตฟอร์มดิจิทัลแนะนำการจับคู่ความต้องการและอาหารบริจาคแบบอัตโนมัติ และแนวปฏิบัติอาหารปลอดภัยสำหรับอาหารบริจาค (Food Safety Guideline) สนับสนุนนโยบาย BCG ด้านอาหารของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประเทศไทยมีอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและมีโภชนาการที่ดี เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีของประชาชน และส่งเสริมเป้าหมายด้านการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ลดการสูญเสียอาหารและลดการเกิดขยะอาหาร
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ
ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสวทช. กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตขยะอาหารที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหารของประชาชนกลุ่มเปราะบาง นอกเหนือจากการกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาขยะอาหารแล้ว การลดการสูญเสียอาหารตั้งแต่ต้นทางก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการลดวิกฤตปัญหาขยะอาหาร สวทช.ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG สาขาอาหารร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ดำเนินการศึกษาและวิจัยเชิง นโยบายเพื่อสร้างต้นแบบการดำเนินงานเพื่อบริหารจัดการอาหารส่วนเกินของประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. โดยการเปิดตัวธนาคารอาหารของประเทศไทยครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารส่วนเกิน การกอบกู้อาหาร และการส่งต่ออาหารส่วนเกินอันจะช่วยส่งเสริมให้ลดการเกิดขยะอาหาร และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไปด้วยกัน และหวังเป็นต้นแบบของการสร้างแบบจำลองการส่งต่ออาหารส่วนเกินให้สังคมไทย
กุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการ สวก. กล่าวว่า สวก. ตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาขยะอาหารและความมั่นคงทางอาหาร จึงให้การสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานโครงการเพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินของประเทศ เพื่อเป็นการศึกษาต้นแบบและแนวทางการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินที่เหมาะสมของประเทศ และจัดทำแนวปฏิบัติอาหารปลอดภัย สำหรับอาหารบริจาค โดยดำเนินการร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมอนามัย เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับการบริจาคอาหารทั่วประเทศ
กุลวรา โชติพันธุ์โสภณ
ทั้งนี้ โครงการจัดตั้งธนาคารอาหารของประเทศไทย เป็นโอกาสอันดีที่จะประชาสัมพันธ์การดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการอาหารส่วนเกินให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาหารส่วนเกินและเชิญชวนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมสร้างสังคมไร้ขยะอาหาร นำร่องที่ชุมชนย่านลาดพร้าว เพื่อให้เห็นต้นแบบระบบการบริหารจัดการอาหาร เพื่อส่งต่ออาหารส่วนเกินไปยังกลุ่มเปราะบางของสังคมไทย ภายในงาน ยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินในลักษณะธนาคารอาหาร ทั้งในมุมประสบการณ์กอบกู้อาหารส่วนเกินและการส่งต่ออาหารโดยมูลนิธิ SOS มุมประสบการณ์บริจาคอาหารและแรงบันดาลใจในการเป็นผู้บริจาคอาหารส่วนเกิน โดยผู้แทนผู้บริจาคอาหาร ได้แก่ วลัยรัตน์ อภินัยนาถ GM of Corporate Planning บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด (Maxvalu Supermarket), เชฟอรรถพล ถังทอง (Chef X) Executive Chef จากโรงแรม Bangkok Marriott Hotel The Surawongse,แจนเน็ต รุ้งสิทธิกุล Senior Marketing Manager มูลนิธิเคเอฟซี และ ทวิช ทัฬหะกาญจนากุลผู้อำนวยการโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า บริษัท ซีพีเอฟ โกล บอล ฟู้ดโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CPFGS ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของซีพีเอฟ รวมถึงการแชร์ประสบการณ์ในกระบวนการรับบริจาคอาหาร โดยตัวแทนผู้นำชุมชน นำโดย วิกานดา สังวรราชทรัพย์ประธานเครือข่ายผู้นำชุมชนเขตลาดพร้าวและวิไล แซ่โอ๊ว ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และแนวทางดำเนินงาน BKK Food Bank ของ กทม. โดย ณัฎฐ์วิฉัตรา หวิงปัด สำนักงานการพัฒนาชุมชน สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี