สหรัฐอเมริกาเกิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก ที่ถูกคณะลูกขุนเขตแมนฮัตตันในนครนิวยอร์ก ตัดสินว่ากระทำความผิดในคดีอาญา จากกรณีการจ่ายเงินปิดปากนักแสดงภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ เพื่อปกปิดความสัมพันธ์ในอดีต
เป็นที่รู้จักคุ้นหูกันในชื่อ Hush Money ซึ่งแปลตรงตัวถึงพฤติการณ์พฤติกรรมของทรัมป์ ในการมอบเงินชำระปกปิดสัมพันธ์กับดาราผู้ใหญ่อย่าง สตอร์มี แดเนียลส์ ไม่ให้อื้อฉาวขึ้นมาก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 โดยมูลค่าเงินที่มีการจ่ายครั้งนั้นอยู่ที่ราว 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5 ล้านบาท) ในทางอาญาถือว่ามีข้อหา ปลอมแปลงหลักฐานทางธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นการจงใจปกปิดความผิด ที่ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งและข้อกำหนดด้านภาษีทั้งระดับรัฐและของรัฐบาลกลาง เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ซึ่งหลังจากไต่สวนพิจารณาคดีกันหลายสัปดาห์ คณะลูกขุน 12 คนปิดห้องใช้เวลาพิจารณาเกือบ 12 ชั่วโมงในช่วงวันอังคารและพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ก่อนฟันธงสรุปว่าผิด 34 กระทงไม่ผิด 0 กระทง
แน่นอนว่าแม้แต่สังคมอเมริกา และสังคมโลกที่จับตาการเมืองมหาอำนาจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงใกล้เลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน จะต้องตั้งคำถามว่า คำพิพากษาในวันนี้ จะทำให้ผลเลือกตั้งแตกต่างออกไปในวันนั้นหรือไม่ ? ทรัมป์ จะยังเป็นประธานาธิบดีที่เคยมีประวัติไม่ดีได้หรือไม่ ?
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปลายปีนี้ กล่าวโจมตีคำตัดสินของคณะลูกขุน ว่าเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมและเสื่อมเสีย พร้อมยืนกรานว่าไม่ได้กระทำความผิด และจะต่อสู้เพื่อประเทศ เพื่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ต่อไป ทรัมป์ยังกล่าวหาว่า คดีนี้มีประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำคนปัจจุบันชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อทำร้ายคู่แข่งทางการเมือง และระบุว่าสหรัฐอเมริกาไม่เหมือนเดิม ทั้งเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมีปัญหาถดถอยหลายประการ แต่ยืนยันจะต่อสู้จนจบ โดยทรัมป์ ระบุด้วยว่า คำพิพากษาที่แท้จริงโดยประชาชนชาวอเมริกันจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ และคดีความนี้ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดง่ายๆ
ส่วนบรรยากาศด้านนอกศาลที่มีการพิจารณาคดี และด้านนอกทำเนียบขาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผู้ชุมนุมที่เฝ้าติดตามการพิจารณาคดีครั้งนี้ คนที่สนับสนุนทรัมป์ก็แสดงทีท่าเซอร์ไพรส์ตกใจกับคำตัดสิน และก็แสดงความไม่พอใจด้วยการตะโกนและบีบแตรบางคนถึงกับบอกว่า ขอแสดงความเสียใจกับสหรัฐอเมริกาด้วย ฝั่งผู้ที่ไม่สนับสนุนทรัมป์ ก็ต่างพึงพอใจกับคำตัดสินเอาผิดอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยชี้ว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดตามนั้น และบางส่วนถึงขั้นบอกว่าช้าไปเพราะเพิ่งจะมาเอาผิดได้ตอนพ้นจากตำแหน่งมานานแล้ว
สำหรับความผิดในคดีดังกล่าวของทรัมป์ ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ หรือเป็นความผิดอาญาร้ายแรง ซึ่งฐานความผิดเหล่านี้มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ฮวน เมอร์ชาน ผู้พิพากษาคดีนี้ กำหนดวันตัดสินโทษไว้ในวันที่ 11 ก.ค. หรือ4 วันก่อนหน้าการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ในวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งจะประกาศชื่อตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ
ขณะที่หลายฝ่ายประเมินว่า ทรัมป์อาจจะแค่ต้องโทษปรับ เนื่องจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ทรัมป์ไม่เคยมีประวัติคดีอาญา และอายุมากถึง 77 ปีแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับการพิจารณาโทษของผู้พิพากษาต่อไป
ถึงแม้หลังจากนี้ ทรัมป์อาจรอดจากการถูกจับกุมคุมขัง แต่ก็ต้องจับตาต่อไปว่า คดีนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการตัดสินใจเข้าคูหาเลือกตั้งของอเมริกันชนในสังคมที่มีความแตกต่างทางความเชื่อนี้ต่อไปอย่างไร แต่นักวิเคราะห์มองว่า ผลคำตัดสินคดีนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อคะแนนนิยมของทรัมป์ในการเลือกตั้งปลายปีนี้มากนัก คนที่ยังรักยังชอบทรัมป์ ก็ยังจะลงคะแนนให้ไม่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า การตัดสินคดีว่าทรัมป์กระทำผิดในคดีอาญา ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะตอนนี้ที่ทรัมป์เตรียมเข้าศึกเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 2 แต่หากย้อนดูการหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 บรรดาผู้เชี่ยวชาญและฝ่ายต่อต้านทรัมป์ ต่างก็เก็งว่าเขาจะไม่ชนะเลือกตั้ง แต่ท้ายสุด ทรัมป์
ก็ขึ้นเป็นประธานาธิบดี แม้จะมีข่าวอื้อฉาวมากมาย โดยเฉพาะเทปบันทึกเสียงที่ชี้ว่าทรัมป์ลวนลามผู้หญิง ซึ่งเป็นหลักฐานที่ถูกนำมาพิจารณาในคดีครั้งนี้หลายครั้ง
เรียกว่าอุปสรรคต่างๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ขัดขวางทรัมป์ในการฟื้นคืนชีพทางการเมือง เพื่อชิงบัลลังก์ทำเนียบขาว
ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าคดีความนี้อาจมีการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อเนิ่นนานต่อไปอีก และท้ายสุด ชะตากรรมของทรัมป์อาจต้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นผู้ตัดสิน แน่นอนว่า หากทรัมป์แพ้ การตัดสินคดีนี้อาจถูกมองว่าเป็นปัจจัยแห่งความพ่ายแพ้ แต่หากทรัมป์พลิกมาชนะเลือกตั้ง กลับมาเป็นประธานาธิบดี นั่นจะนำมาสู่การดำรงตำแหน่งที่จะยิ่งวุ่นวายโกลาหลมากขึ้น จากคดีความต่างๆที่เขาต้องเผชิญ
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี