ในสังคมไทยนั้น ไม่มีใครไม่รู้จัก “หลวงปู่ทวด” เช่นเดียวกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ สมเด็จโต แต่ไม่รู้เรื่องราวของท่านมากไปกว่าในเรื่องเล่าขานตำนานนานมาว่าท่านเหยียบน้ำทะเลจืดพระมหาเถระรูปนี้ คือ สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ (ปู สามีราโม) หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ หรือ หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ หรือ ท่านองค์ดำ หรือ ท่านลังกา ผู้เป็นพระมหาเถระทรงอภิญญาที่รู้จักกันในกรุงศรีอยุธยา สมัย สมเด็จพระเอกาทศรถ ตามประวัติเล่าว่าหลวงปู่ทวดเป็นบุตรของ นายหู-นางจันทร์ ชาวบ้านวัดเลียบ ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นทาสในเรือนเบี้ย ที่ทำงานใช้หนี้ของเศรษฐีปาน ท่านเกิดในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช มีนามเดิมว่า “ปู” ส่วนวันเดือนปีเกิดของเด็กชายปู ตรงกับวันเดือนปีใดไม่มีหลักฐาน จึงขอสันนิษฐานหลายความจากเอกสารยอเข้าตำราหมื่นตราพระธรรมวิลาสเอาไปวิวาทเป็นหัวเมือง ระบุว่า “อยู่มาไซร้แลครั้งเกิด สมเด็จพระราชมุนีมีบุญแลได้พระพุทธศักราช ๙๙๐ ฉลูสัมฤทธิ์ ศก”ข้อสันนิษฐานจาก อ.สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ ได้ว่า “ท่านเกิดปี จ.ศ.๙๕๐ ตรงกับ พ.ศ.๒๑๓๑” ในที่สุดได้สรุปว่าท่านเกิด วันที่๓ มีนาคม พ.ศ.๒๑๒๕ ณ สงขลา สยามประเทศ
หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่-อยุธยา
ท่านเป็นผู้มีบุญซึ่งเกิดมามีเหตุอัศจรรย์หลายประการ เช่น มีงูจงอางมารัดเปลผ้า และคายเมือกแก้ว (ลูกแก้ว) ไว้อยู่บนอกเด็กชายปูนั้น เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาว และต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว ปัจจุบันประดิษฐานที่วัดพะโคะ ท่านมีอายุได้ประมาณ ๗ ขวบ พ.ศ.๒๑๓๒ บิดา-มารดาของท่านจึงนำท่านไปฝากไว้เป็นศิษย์วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือ ที่วัดกุฏิหลวง หรือวัดดีหลวง ซึ่งมีท่านสมภารจวง ผู้มีศักดิ์เป็นลุงเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดีเรียนเก่งสามารถเล่าเรียนภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว ต่อมาสมภารจวงได้บวชให้ท่านเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ตอนบวชเป็นสามเณรนั้นบิดาของท่านได้ถวายลูกแก้วคืนให้เป็นลูกแก้วประจำตัวท่านต่อไป ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ตลอดเวลาของท่าน ต่อมาท่านสมภารจวงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือที่สูงขึ้นสมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ (คือเรียนนักธรรม) โดยนำไปฝากเรียนไว้กับ สมเด็จพระชินเสน ซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา ให้มาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดสีคูยัง หรือวัดสีหยัง ในปัจจุบัน ห่างจากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาณ ๔ กิโลเมตร ท่านได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูยังนั้น หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเรียนรู้ให้สูงขึ้นโดยมาพำนักอยู่ที่วัดเสมาเมือง ซึ่งเป็นสำนักเรียน และมี สมเด็จพระมหาปิยะทัสสี เป็นเจ้าอาวาสและบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุครบกาลอุปสมบท ท่านได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ จนมีความรู้และเป็นผู้ทรงอภิญญามากและได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง
ต่อมาท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากสมเด็จพระเอกาทศรถเป็น สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ พรรษาอยู่ประจำที่กรุงศรีอยุธยา จนท่านมีอายุได้ ๘๐ ปี ท่านได้ลาสมณศักดิ์กลับมาจำพรรษาที่วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน เมื่อกลับมาท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์ว่าเมื่อท่านมรณภาพให้นำศพท่านไปไว้ที่อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จนวาระสุดท้ายเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๒๒๕ ท่านได้มรณภาพลงเมื่ออายุกาลครบ ๑๐๐ ปี ที่ “เมืองไทรบุรี” หรือรัฐเคด้า ของมาเลเซีย ด้วยเหตุ หลวงปู่ทวด นั้นมีคนสนใจและนับถือมาก มักพากันไปสักการะที่ท่านจำพรรษาอยู่ทางใต้ ทั้งๆ ที่ท่านนั้นอยู่วัดแค หรือวัดราชานุวาส ในกรุงศรีอยุธยา มากกว่าวัดทางใต้สงขลา ปัตตานี ในอยุธยานั้นนอกจากวัดแค หรือวัดราชานุวาส แล้วยังมีวัดที่เชื่อว่ามีการสืบต่อสายธรรมมาถึงพระเถระรูปสำคัญ คือ หลวงปู่ดู่ ที่วัดสะแก ผู้รจนาบทสวดพระมหาจักรพรรดิเผยแพร่ไปทั่วประเทศ โดยมี พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร วัดพุทธพรหมปัญญา เป็นผู้เผยแพร่นำการสวดมนต์นี้ให้อยู่วัตรปฏิบัติทุกเวลา ซึ่งใน วันที่ ๒๒-๒๓ มิถุนายนนี้อสมท คลื่น ๙๖.๕ จะพากันตามรอยหลวงปู่ทวดในอยุธยา สนใจติดต่อร่วมเดินทางได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี