สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่สร้างความฮือฮาในแวดวงเทคโนโลยีและธุรกิจโลกอย่างมาก เมื่อ NVIDIA บริษัทผู้ผลิตชิพประมวลผลคอมพิวเตอร์ และชิพที่ใช้ในปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ มีมูลค่าตลาดพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เบียดแซงยักษ์ใหญ่อย่าง “แอปเปิล” ขึ้นมาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ของโลกรองจากไมโครซอฟท์ โดยราคาหุ้น NVIDIA ขยับขึ้น 5.2% ปิดตลาดที่ 1,224.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น เมื่อวันพุธที่ 6 มิ.ย. ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดของบริษัทพุ่งแตะ 3.012 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 109 ล้านล้านบาท)ขณะที่มูลค่าตลาดของแอปเปิลอยู่ที่ 3.003 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้NVIDIA ยังได้แตกหุ้นในอัตรา 10 ต่อ 1เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า จะยิ่งทำให้หุ้นของบริษัทชิปเอไอแห่งนี้ เป็นที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนมากขึ้นไปอีก
มูลค่าตลาดของ NVIDIA ที่พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถแซงแอปเปิลได้สำเร็จ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับแวดวงอุตสาหกรรมไฮเทคในซิลิคอน แวลลีย์ ซึ่งที่ผ่านมาถูกฉายแสงครอบงำโดยแอปเปิล ที่ก่อตั้งโดย สตีฟ จ๊อบส์ มาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโทรศัพท์ iPhone เมื่อปี 2007
เป็นที่รู้กันว่า นอกจาก NVIDIAจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิก หรือ GPU สำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์แล้วยังนับเป็นบริษัทเจ้าแรกๆ ที่ผลิตชิพรองรับการทำงานของ Generative AI ด้วย ถือได้ว่าคาดการณ์ตลาดเทคโนโลยีได้เฉียบคม เห็นได้จากเทรนด์การเข้ามาของ AI ที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายวงการ
เจนเซ่น หวง ซีอีโอของ NVIDIA เคยกล่าวในช่วงการประกาศผลประกอบการของ NVIDIA ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ระบุว่า สิ่งที่อยู่เหนือกว่าผู้ให้บริการคลาวด์ในปัจจุบันGenerative AI ได้กลายเป็นสิ่งที่สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มากกว่าหลายพันล้านดอลลาร์ในระบบการตลาดแนวตั้ง ซึ่งก็มีกลุ่มผู้ให้บริการในด้านต่างๆ เล็งเห็นถึงเทรนด์ AI มากขึ้น พร้อมต่อคิวกันมาใช้บริการของ NVIDIA ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ให้บริการอินเตอร์เนต บริษัท องค์กรต่างๆ กลุ่มผู้พัฒนา AI ระดับภูมิภาค กลุ่มผู้ให้บริการด้านยานยนต์ ไปจนถึงกลุ่มผู้ให้บริการด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ เจนเซ่น หวง ยังเผยว่า นับจนถึงช่วงไตรมาสแรก ปี 2024 มีสตาร์ทอัพระหว่าง 15,000-20,000 ราย รวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก อย่างไมโครซอฟท์ อัลฟ่าเบต และ AWS หรือ AmazonWeb Services ต่างก็เข้ามาใช้บริการด้าน AI และ GPU ของ NVIDIA ทั้งหมด นี่จึงอาจเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้ NVIDIA ที่เคยมีมูลค่าบริษัทสูงสุดอันดับ 6 ของโลก เมื่อปี 2023ขยับแซงแอปเปิล ก้าวขึ้นมามีมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ของโลกล่าสุด และอาจเติบโตขึ้นจนเบียดสู้กับไมโครซอฟท์ในอนาคต ก็เป็นได้
ใครคือ เจนเซ่น หวง
ความสำเร็จอย่างยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ของ NVIDIA ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องราวชีวิตของเจนเซ่น หวง เจ้าของตำแหน่งซีอีโอทันที ไม่ใช่แค่เพราะบริษัทประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่รวมถึงการประสบความสำเร็จ แนวคิดธุรกิจ และมาดของเจ้าตัว ที่ทำให้ตอนนี้เจนเซ่น หวง ได้รับสมญานาม ให้เป็น“เทย์เลอร์ สวิฟต์” แห่งวงการเทคโนโลยีเลยทีเดียว
เจนเซ่น หวง หรือ หวง เหรินเซวิน ที่เกิดในไต้หวันก่อนที่ครอบครัวจะย้ายไปยังสหรัฐฯ ตอนอายุได้ 5 ปี ปัจจุบันอายุ 61 ปีแล้ว เขาอาจดูไม่เหมือน “คนดัง” ในแบบที่ควรจะเป็น แต่ในตอนนี้ เจนเซ่น หวงมักจะถูกห้อมล้อมขอถ่ายเซลฟี่จากบรรดาแฟนคลับ ขณะที่เขาปรากฏตัวตอนไปร่วมนิทรรศการด้านเทคโนโลยี ที่ไต้หวันเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยเสื้อหนังของ Tom Ford ราคา 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเขาแต่งตัวแบบนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว และเคยกล่าวว่า เพราะภรรยาและลูกๆ ทำให้เขาหันมาแต่งตัวเช่นนี้ และเขาก็ชอบมากๆ
บ๊อบ โอดอนเนล นักวิเคราะห์เทคโนโลยี กล่าวว่า เจนเซ่น หวง ได้รับการตอบรับไม่ต่างจากร็อกสตาร์เลยทีเดียว เขาพิจารณาว่าชื่อเสียงของเขาเป็นโอกาสในการโปรโมทแบรนด์ NVIDIA อีกทอดหนึ่ง เขามีความสุขอย่างมาก ในไต้หวัน เขาคือชายผู้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ไปที่ไหนก็มีแต่ผู้คนเดินเข้าหา จนเริ่มมีคำฮิตติดปากว่า แฟนคลับบ้าเจนเซ่น (Jensanity)
จุดเปลี่ยนในชีวิตของ เจนเซ่น หวง เกิดขึ้นด้วยความหลงใหลโลกของ AI และเกมคอมพิวเตอร์ ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำ และเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในปี 1993 ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ คริสมาลาชอฟสกี และ เคอร์ติส เพรม อดีตพนักงานบริษัท Sun Microsystems กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ NVIDIA บริษัทที่พวกเขามุ่งพัฒนาชิพเซตประมวลผลกราฟิก (GPU) ตอนนั้นกระแสและความต้องการมากขึ้น ซึ่งพวกเขาทั้ง 3 เห็นโอกาสนี้ตรงกัน ก่อนเปิดตัว “การ์ดจอ” ตัวแรกของโลกได้ในปี 1999 ชื่อว่า NVIDIAGeForce 256 ซึ่งในปีเดียวกันนั้นNVIDIA สามารถนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ได้สำเร็จ
เป้าหมายของ NVIDIA ชัดเจนก็คือ การพัฒนาคอนโซลวิดีโอเกมเพื่อการประมวลผลกราฟิกที่หนักขึ้นและเร็วขึ้นได้ เป็นอุปกรณ์ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน จากสเกลธุรกิจขนาดสตาร์ทอัพ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่ง NVIDIA ได้ทำสัญญากับไมโครซอฟท์ ในการพัฒนาฮาร์ดแวร์กราฟิกสำหรับ Xbox และยังคงร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ NVIDIA ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มากยิ่งขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันนี้ชิปของพวกเขามีมูลค่า “มากกว่าทองคำ” เสียอีก
ในมุมของนักธุรกิจทั่วโลกหลายคนชื่นชมความสามารถ และความพยายามของ เจนเซ่น หวง จนไปถึงแนวคิดที่น่าสนใจของเขาในการใช้ชีวิตและทำธุรกิจ ซึ่งหลายครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์มักจะทิ้งท้ายข้อคิดไว้ เช่น “เราควรจะเลือกธุรกิจที่มีตลาดขนาดใหญ่มากพอ เพราะตลาดที่เล็กเกินไปมักจะไม่มีนักลงทุนสนใจ เพราะโอกาสได้เงินต้นคืนมันน้อยมาก” หรือ “เราควรโฟกัสที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น และมากขึ้นอีกจนกว่าเราจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีพอ”
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี