ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้มีการเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสรอบแรก เป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก่อนกำหนดนานร่วมปี และเกิดขึ้นแบบที่ไม่มีใครคาดคิด หลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด เหตุเพราะพันธมิตรสายกลางของเขาพ่ายแพ้ย่อยยับ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุด ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย. ชี้ว่า พรรค เนชั่นแนล แรลลี หรือ RN ที่เป็นพรรคการเมืองสายขวาจัดของฝรั่งเศส อาจได้คะแนนประชาชน (popular vote) มากถึงร้อยละ 37 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อน สวนทางกับกลุ่มพรรคการเมืองสายกลางชื่อ Togetherของประธานาธิบดีมาครงที่ได้คะแนนร้อยละ 20 ลดลงร้อยละ 2 ส่วนกลุ่มพรรคการเมืองสายซ้าย นิวป๊อปปูลาร์ฟรอนต์ (New Popular Front) ได้คะแนนคงเดิมที่ร้อยละ 28 ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ BFM TV ของฝรั่งเศส ระบุว่า พรรค RN อาจได้คะแนนเกิน 289 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเกณฑ์ของการได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาล่างทั้งหมด 577 ที่นั่งโดยคาดว่า RN และพันธมิตรจะได้รวมกัน260-295 ที่นั่ง
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจไม่ได้คาดการณ์จำนวนที่นั่งในสมัชชาแห่งชาติชุดใหม่ เพราะอาจจะมีความแตกต่างอย่างมากจากจำนวนคะแนนประชาชน เนื่องจากฝรั่งเศสใช้ระบบคะแนนเสียงข้างมาก 2 รอบ ในการคำนวณที่นั่งในสภา โดยจะมีการเลือกตั้งรอบ 2 ในวันที่ 7 กรกฎาคม
ถึงกระนั้น ผลสำรวจทั้งหลายทั้งปวงและกระแสที่ออกมา ทำให้พรรค RN ค่อนข้างมั่นอกมั่นใจว่า จะสามารถครองเสียงประชาขนและกลับมาครองอำนาจการเมืองฝรั่งเศสได้อีกครั้ง
ฌอร์ดอง บาเดลญา (Jordan Badella) ประธานพรรค RN ในวัยแค่28 ปี ที่ถูกมองจากหลายฝ่ายว่าอาจได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนต่อไปหากพรรค RN ชนะเลือกตั้งถึงกับออกมาขอให้ชาวฝรั่งเศสเทคะแนนให้พรรคของเขาได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเผยกับสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ในประเทศว่า เขาจะไม่หาเสียงชูนโยบายปฏิรูปที่ไม่สามารถทำได้ หากประชาชนต้องการให้เขาปฏิรูป เขาจะต้องได้เสียงข้างมากเด็ดขาด เพราะการได้เสียงข้างมากธรรมดาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของชาวฝรั่งเศสได้
บาเดลญารับปากว่า พรรค RN จะยังไม่ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT กับสินค้าจำเป็น 100 รายการทันที ตามที่เคยประกาศไว้ แต่สิ่งที่เขาจะทำเป็นอันดับแรกเมื่อชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีคือ ลด VAT พลังงานจากร้อยละ 20 ลงเหลือร้อยละ 5.5 หากไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกตั้งสมาชิกสภา ทั้งในรอบแรกวันที่ 30 มิถุนายน และรอบสอง 7 กรกฎาคม เขาก็จะไม่สามารถลด VAT น้ำมันและก๊าซ รวมทั้งลดจำนวนคนเข้าเมืองลงอย่างมากด้วย
สำหรับพรรค RN ที่หลายคนคงพอจะทราบว่า มีแกนนำหลักอีกคน คือ มารีน เลอ เปน (Marine Le Pen) ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป เช่นเดียวกันกลุ่มการเมืองขวาจัดในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู อื่นๆ เนื่องจากผู้ลงคะแนนเสียงมีความกังวลเรื่องผู้อพยพ อัตราเงินเฟ้อ และค่าใช้จ่ายในการปฏิรูปด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่พรรคฝ่ายขวาชูประเด็นคัดค้าน ขณะที่บรรดาประชาชนผู้เสียภาษีในอียู ตอนนี้ต้องเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพ กำลังรู้สึกอึดอัด หรือบางคนอาจถึงขั้นต่อต้านนโยบายหนุนผู้อพยพ และปฏิรูปด้านสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ประชาชนอยู่ภายใต้แรงกดดันมากกว่าเดิม ส่งผลให้ฝ่ายขวาจัด ใช้ความคับข้องใจเหล่านี้มาฉายภาพว่าตนเองคือกระบอกเสียงของประชาชน และต้องการยืนหยัดต่อสู้กับ “ชนชั้นสูงที่อยู่ห่างไกล” ในรัฐบาลของมาครง
อย่างไรก็ดี ความหวาดกลัวว่าพรรคขวาจัดจะกลับมาครองอำนาจในฝรั่งเศสยังคงมีอยู่ จะเห็นได้จากประชาชนนับแสนๆ คนออกมารวมตัวเดินขบวนแสดงพลังเพื่อต่อต้านพรรคขวาจัดในประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนถึงการเลือกตั้ง พวกเขาเกรงว่า ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนจะถูกบั่นทอนลงอย่างมาก หากพรรคขวาจัดขึ้นมาครองอำนาจ ตัวของมาครงเอง ยังกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์รายการทางพ็อดคาสท์ Generation Do It Yourself บอกว่า เมื่อดูจากนโยบายหาเสียงที่พรรค RN พรรคขวาจัดนำเสนอต่อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน จะเห็นว่ามุ่งเน้นให้เกิดความแบ่งแยกและหวาดกลัว ทั้งในประเด็นการจัดการผู้อพยพเข้าเมืองและการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมเช่นเดียวกับกลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้ายใหม่ ที่มีนโยบายสุดโต่งสร้างความแตกแยกในสังคมไม่แพ้กัน ไม่ว่าพรรคไหนได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นรอบแรก 30 มิถุนายน และรอบสอง7 กรกฎาคม จะเกิดความวุ่นวายในสังคมฝรั่งเศสอย่างแน่นอน อาจรุนแรงถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง
ความหวาดกลัวพรรคฝ่ายขวายังลามไปถึงวงการกีฬา เมื่อ คีลิยัน เอ็มบับเป้ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ที่ตอนนี้กำลังรับใช้ทีม “ตราไก่” ในศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบสุดท้าย ที่เยอรมนี ยังออกมาส่งเสียงเตือนชาวฝรั่งเศส ที่กำลังจะออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนว่า ตอนนี้ แนวคิดหัวรุนแรงกำลังมาจ่อถึงหน้าประตูบ้านของทุกคนและเขาเองไม่อยากเป็นตัวแทนของประเทศ ที่ไม่ได้มีแนวนโยบายสอดคล้องกับแนวคิดหรือค่านิยมส่วนตัวของเขา ไม่เพียงแต่เอ็มบับเป้เท่านั้น นักเตะทีม “ตราไก่” อีกหลายคน ทั้ง อุสมาน เดมเบเล, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, แบงฌาแม็ง ปาวาร์ ก็ออกมาแสดงความเห็นในแนวทางเดียวกันด้วย ส่วน มาร์คัสตูราม ไปไกลกว่านั้น ถึงขั้นเรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศส ทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ให้พรรค RN ชนะเลือกตั้ง
แน่นอนว่า ความเห็นของเอ็มบับเป้และพลพรรคนักเตะทีม “ตราไก่” อาจมีส่วนให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ออกเสียงที่พรรค RN ต้องการคะแนนอย่างมาก ได้ฉุกคิดก่อนที่จะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนชั้นล่างและคนที่มีเชื้อชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสแท้ๆ แต่อาจไม่เป็นผลนักกับกลุ่มชนชั้นกลางผิวขาว รายได้น้อยและกลุ่มผู้ว่างงาน ที่สนับสนุนพรรค RN และต้องการปกป้องสิทธิของตนเองมานานแล้ว
ต้องจับตาอนาคตการเมืองฝรั่งเศสหลังจากนี้ ว่ากลุ่มขวาจัด จะได้กลับมาครองอำนาจหรือไม่?
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี