จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ? นี่คือคำถามที่พบพรรคชาวเดโมแครตยังเถียงกันไม่ตก ว่าจะยังกล้าสนับสนุนให้ โจ ไบเดน เป็นผู้แทนพรรคเพียงหนึ่งเดียว ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกสมัย สู้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หรือเปล่า
จนกระทั่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่ามา ประธานาธิบดีไบเดนได้จัดการแถลงข่าวแบบยืนโพเดี้ยมคนเดียว ตอบคำถามนักข่าวโดยไม่ใช้สคริปต์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกหลังดีเบตกับทรัมป์ และนับเป็นเดินพันที่สูงมากเพื่อตอกย้ำว่าตัวเขาเองพร้อมสู้ศึกต่อไป โดยใช้คำว่า จะต้องปิดจ๊อบงานที่เขาได้เริ่มต้นทำไว้เมื่อ 4 ปีก่อน ด้วย 4 ปีต่อไปแม้เขาจะอายุ 81 ปีแล้ว แต่สิ่งที่มีประโยชน์ของอายุที่มากขนาดนี้ คือช่วยสร้างภูมิปัญญาให้มากขึ้น
ส่วนข้อครหาด้านสุขภาพนั้น ไบเดนบอกว่า สุขภาพของเขายังแข็งแรงดี ที่ผ่านมาเข้ารับการตรวจประสาทโดยนักประสาทวิทยามาแล้ว 3 ครั้ง จะเข้ารับการตรวจระบบประสาทอีกครั้งเพื่อดูความเฉียบแหลมทางจิตใจ (mental acuity) หากว่าได้รับคำแนะนำจากแพทย์
แต่ระหว่างการแถลงข่าวเดียวกันนี้เอง จะมีวินาทีนี้ที่สื่อทุกสำนักต่างหยิบยกไปนำเสนอกันอย่างยิ่งใหญ่ คือ ระหว่างที่นักข่าวถามว่า ขออนุญาตเถอะท่าน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมา รองประธานาธิบดีของไบเดน อย่าง คามาลา แฮร์ริส เหมาะสมพอจะเป็นประธานาธิบดีได้ต่อหรือไม่ ซึ่งแทนที่ ไบเดน จะเน้นย้ำชื่อ แฮร์ริส ให้ชัดเจนแต่กลับสับสน ผิดคนเป็นคู่แข่งอย่าง โดนัลด์ทรัมป์ เสียได้
แน่นอนว่า ไบเดน พูดผิดแบบไม่รู้ตัวและไม่แก้ไขด้วย แม้ว่าจะมีรายงานว่าสื่อมวลชนในห้องก็ฮือฮา กระซิบกระซาบกันยกใหญ่ ในขณะที่บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมก็พยายามนั่งหน้านิ่งอยู่ในแถวหน้าของเวทีการแถลงข่าวนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ ไบเดน พูดผิดบนอีกโพเดี้ยมหนึ่ง แต่คราวนี้ไม่ใช่ระดับชาติ แต่เป็นชื่อผู้นำระดับโลก บนเวทีปิดการประชุมสุดยอดผู้นำนาโต ด้วยการเรียกประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนว่า ประธานาธิบดีปูติน ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ทั้งหมดนี้เชื่อว่า ไม่ใช่แค่ เซเลนสกีและผู้นำชาตินาโตที่ยืนเรียงรายกันอยู่บนเวทีต้องอึ้งเท่านั้น แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตก็คงจะอ้ำอึ้งไปด้วยเช่นเดียวกัน อย่างที่มีปฏิกิริยาจากผู้นำหลายระดับทั้งในสหรัฐฯ และระดับโลกออกมาอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชส ของสเปน ซึ่งดำรงตำแหน่งมาพร้อมกับทั้งไบเดน และ ทรัมป์ ในอดีตมาแล้ว ก็บอกว่า ส่วนตัวนายกฯ สเปนนั้น ชอบไบเดนมากกว่า พูดกันตรงไปตรงมาเลย เพราะ ไบเดน เข้าร่วมการพบหารือในการประชุมเต็มคณะอย่างสม่ำเสมอ ต่างจากอีกคนก็คือ ทรัมป์ ที่มักจะผิดนัดบ่อย ไม่เข้าร่วมประชุมเท่าไร ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่า ไบเดน มุ่งมั่นตั้งใจกับพันธมิตรนาโตอย่างเต็มที่แน่นอน เช่นเดียวกับ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งกล่าวปกป้อง ไบเดน ว่า อาการลิ้นพันเกิดขึ้นได้ ถ้าหากติดตามดูทุกๆ คน ก็จะจับผิดเช่นนี้ได้มากเช่นกันแต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้แปรผันอะไรใดๆ ในข้อความที่ประธานาธิบดีไบเดน ได้กล่าวเอาไว้เลย
แน่นอนว่าความผิดพลาดนี้ แม้มีคนปกป้อง ก็ต้องมีคนตั้งคำถามด้วยเช่นกันดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียว่า โลกทั้งใบกำลังจับจ้องและให้ความสนใจถึงประเด็นการพูดผิดของประธานาธิบดี ไบเดน แต่นั่นก็เป็นประเด็นกิจการภายในประเทศสหรัฐฯ และเป็นข้อกังวลของบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงชาวอเมริกันต่างหาก อย่างไรก็ตาม ก็อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่อาจยอมรับได้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อเป็นพฤติกรรมของบุคคลระดับประมุขแห่งรัฐ ที่กล่าวถึงประมุขแห่งรัฐอื่นอย่างไร้ความเคารพใดๆเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ประมุขแห่งสหรัฐอเมริกาดูดีเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่สื่อของรัสเซีย อย่าง สถานีโทรทัศน์รัสเซีย 24 (Russia 24) ก็ขยี้ซ้ำด้วยการรายงานข่าวนี้แบบเจาะลึกที่มุ่งเน้นย้ำว่า การประชุมสุดยอดผู้นำนาโตเริ่มต้นอย่างน่าอับอาย เมื่อไบเดนกล่าวเพื่อให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนพูดต่อจากเขา แต่กลับเรียกชื่อผิดเป็นประธานาธิบดีปูติน ก่อนพูดแก้ไขว่า เขามุ่งมั่นที่จะปราบปูตินมากเกินไปจนเรียกชื่อผิด สื่อรัสเซียบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า ไบเดนอยู่ในสภาพใดแล้วในเวลานี้
แคบลงมาจากเรื่องนอกบ้าน กลับเข้ามาในบ้าน คือในพรรคเดโมแครตเอง กระแสก็ยังคงร้อนแรง โดยเฉพาะล่าสุดพอมีเหตุการณ์เรียกชื่อผู้นำระดับโลก
ผิดแล้ว สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น รายงานด้วยว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง บารัค โอบามา และ แนนซี่ เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่างแสดงความกังวลกันโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เกี่ยวกับตัวประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และอนาคตของการหาเสียงเลือกตั้งที่จวนเจียนจะถึงเต็มที ว่าจะสามารถเอาชนะทรัมป์
ได้จริงหรือไม่ และไม่อาจแน่ชัดได้เลยว่า จะแก้สถานการณ์นี้อย่างไร
สอดคล้องกับรายงานที่ว่า สมาชิกพรรคเดโมแครต ต่างดิ้นรนหนทางแสวงหาโอกาสที่ ไบเดนจะเอาชนะทรัมป์ได้อีกครั้ง จึงต่างร้องขอให้ทั้ง โอบามา และ เพโลซี ช่วยยุติวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นด้วย อย่างที่ก่อนหน้านี้ มีแกนนำของพรรคบางส่วนเริ่มแสดงความชัดเจนมากขึ้น ทั้งผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภาอย่าง ชัค ชูเมอร์ ที่เปิดเผยว่าไม่มีความเชื่อมั่นในตัวไบเดนอีกต่อไป ขณะที่สื่อบางสำนักมีตัวเลขว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อย 16 คนจากจำนวนทั้งสิ้น 213 คน ในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิก 1 คน จาก 51 คนของพรรคเดโมแครต กล่าวเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้ไบเดน ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
จนถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า นอกจากผลสำรวจคะแนนนิยมของ ไบเดน จะตามหลัง ทรัมป์ แล้ว แนวโน้มยังน่าหนักใจสำหรับชาวเดโมแครตไม่น้อยเลยทีเดียว นี่คือค่าเฉลี่ยผลสำรวจคะแนนนิยมว่าที่ผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของแคมเปญ 538 โดยสถานีโทรทัศน์เอบีซี ของสหรัฐฯ ที่ติดตามรวบรวมผลสำรวจระดับชาติและท้องถิ่นมาคำนวณค่าเฉลี่ยในแต่ละวัน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสองผู้ท้าชิงมีคะแนนสูสีเป็นอย่างมากในระดับประมาณ 40% บวกลบมาโดยตลอดจนกระทั่งมีเส้นขึ้นลงแปรปรวนมากขึ้นมาในช่วงก่อนการประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรก 20 มิถุนายน พบว่า ไบเดนตีตื้นทรัมป์ขึ้นมามีคะแนนนิยม 0.1% เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะทิ้งห่างสูงสุดที่ 0.3% ในวันสองวันถัดมาแล้วพอมาถึงคืนโค้งสุดท้ายก่อนดีเบต26 มิถุนายน ทรัมป์ก็กลับมานำ 0.1% แล้วหลังจากดีเบตที่ไบเดนดูจะพลาดท่าให้ทรัมป์นั้น ก็ทำให้คะแนนทิ้งห่างนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในลักษณะที่เป็นโจทย์ใหญ่เสียเหลือเกินสำหรับเดโมแครตในการกู้คืนคะแนนนิยมตรงนี้ให้กลับมานำได้อีกครั้ง
ทั้งหมดนี้เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง 4 เดือนเท่านั้นที่จะเปิดคูหาเลือกตั้ง และยิ่งกระชั้นไปกว่านั้นคือ เหลือเวลาแค่5 สัปดาห์ ก่อนที่พรรคเดโมแครตจะต้องจัดการประชุมใหญ่รับรองผู้แทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เพราะฉะนั้น จึงต้องติดตามแล้วว่าท้ายที่สุดพรรคเดโมแครตจะยังคงให้การรับรองประธานาธิบดีไบเดน หรือจะสรรหาบุคคลอื่นมาเป็นผู้แทนคนใหม่ ซึ่งด้วยกฎเกณฑ์ข้อบังคับของพรรคนั้นก็มีช่องอยู่ แต่เป็นไปได้ยากหาก ไบเดน ไม่สละสิทธิ์ถอนตัว
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี