บ่อยครั้งที่ชาวออฟฟิศมักจะทำพฤติกรรมเดิมซ้ำๆ ทุกวันจนเป็นความเคยชิน จนเมื่อวันหนึ่งพบว่า คอ ไหล่ บ่า หลัง มีอาการปวดรวดร้าว ไม่ว่านวดแค่ไหนก็ไม่คลายหายปวดและกลับมาเป็นซ้ำอีกบางคนถึงขนาดใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้ และนี่เองคือการก้าวเข้าสู่ภาวะเรื้อรังของโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
“ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยโรคออฟฟิศซินโดรมมาพบแพทย์ในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 และเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุลดลงเรื่อยๆ บางคนแค่ 20 ต้นๆก็ต้องมาพบหมอด้วยโรคนี้แล้ว แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว และใครก็เป็นได้ แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาหรือทำให้หายไม่ได้ แค่ทุกคนต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมที่เคยทำแบบผิดท่าผิดทาง การจัดท่าทางนั้นสำคัญมาก” พ.ต.ต.นพ.วรพล เจริญพร แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมกระดูกและข้อ และเวชศาสตร์ป้องกัน หนึ่งในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวบนเวที BEM CARE 2024 Goodbye to Office Syndrome ที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อสุดสัปดาห์ ที่ผ่านมา พร้อมแนะนำ 4 ท่าที่คนทำงานหรือพนักงานออฟฟิศควรหลีกเลี่ยง และท่ากายบริหารยืดเส้นง่ายๆ ก่อนจะกลายเป็นโรคเรื้อรัง
จับเม้าส์ผิด ชีวิตเปลี่ยน
มนุษย์ออฟฟิศกว่า 80% มีการพิมพ์งานหรือจับเม้าส์ที่ผิดวิธี โดยปกติมักจะนั่งหลังค่อม มือกระดกขึ้น หรือ วางมือบนแป้นพิมพ์ที่ผิดวิธี โดยการจัดท่าทางที่ถูกต้อง ควรนั่งหลังตรงคอตรง ปรับระดับจอคอมพิวเตอร์ในอยู่ในระดับสายตา และนำหมอนมารองใต้ข้อมือเวลาพิมพ์งานหรือจับเม้าส์ เพื่อให้ข้อมือ แขนจนถึงข้อศอก ขนานเป็นเส้นตรง และหมั่นขยับร่างกายลุกเดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่น ไม่ควรนั่งนานจนเกินไป เพียงเท่านี้จะลดอาการปวดเมื่อยได้
ก้มนาน คอเสื่อมได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
ปัจจุบันเรามักจะพบเห็นการก้มกดโทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเลตไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือนั่งกดมือถือ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า การก้มคอแต่ละครั้งกระดูกต้นคอเราต้องรับน้ำหนักสูงขึ้น 6-7 เท่า และเสี่ยงต่ออาการกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่เพียงแต่การก้มกดมือถือเท่านั้น แต่การก้มคอพิมพ์งาน เขียนอ่านหนังสือ อ่านหนังสือก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันคุณหมอวรพล ได้แนะนำท่าที่เหมาะสมว่า “ตั้งคอให้ตรง หูต้องขนานกับไหล่ไม่ยื่นไปข้างหน้า ยกมือถือขึ้นในระดับสายตา ใช้กำลังแขนแทนการก้มคอ สามารถผ่อนคลายจากการจับมือถือนานๆ ได้โดย ให้นำมือข้างใดข้างหนึ่งจับไปที่หูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมือ แล้วดึงศีรษะไปทางด้านเดียวกับมือที่ใช้จับหู เช่น มือซ้ายจับหูขวา ดึงไปทางด้านซ้าย นับ 1-30 และทำสลับข้างซ้ำอีกรอบ
ขับรถนาน ใช่ว่าดี
การขับรถนานๆ รถติดบนถนนวันละ 1-2 ชั่วโมง นอกจากความเครียดแล้ว ยังก่อให้เกิด Office Syndrome ได้จากท่าขับรถ เพราะเกิดการนั่งหรือจับพวงมาลัยในทางเดิมเป็นระยะเวลานาน ซึ่งพบว่าคนที่ขับนานจะประสบปัญหาปวดบริเวณหลังล่างหรือเอวด้านล่าง ดังนั้นควรปรับเบาะในอยู่ในระยะที่เหมาะสม ไม่ห่างหรือชิดพวงมาลัยจนเกินไป ก้นติดเบาะด้านใน นั่งหลังตรง ไม่โน้มมาข้างหน้า เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ หากมีอาการเหนื่อยล้าให้จอดพักในพื้นที่ปลอดภัย แล้วนำมือสองมือประสานกันจับไปที่ท้ายทอยแล้วกดลง โน้มน้ำหนักลงมาเรื่อยๆ ทำให้มีการยืดบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอ
Work from Home ก็ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงได้
ไม่เพียงแค่มนุษย์ออฟฟิศที่มีสิทธิ์เป็นออฟฟิศซินโดรม แต่ผู้ที่ Work from Home ก็มีโอกาสได้รับสิทธิ์นั้นเช่นกัน เพราะเป็นโรคที่เกิดจากการทำพฤติกรรมเดิม ซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน ตลอดไปจนถึงแม่บ้านที่ต้องทำงานบ้านเป็นประจำ ที่มักจะพบปัญหาบริเวณข้อมือ ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็ควรมีการปรับเปลี่ยนท่า ไม่ใช้งานมือข้างเดิมเป็นระยะนาน ให้เวลาได้หยุดพัก และหมั่นออกกำลังกาย เพื่อคลายเส้น หากมีอาการปวดเมื่อยบริเวณที่ใช้งาน ให้ยื่นมือไปข้างหน้า คว่ำฝ่ามือลง กำมือให้แน่น แล้วนำมืออีกข้างกุมมือข้างที่กำมือไว้ แล้วดึงเข้าหาตัว จะช่วยยืดเส้นข้อมือถึงข้อศอกได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี