หลุมฝังศพที่สวยที่สุดในโลก
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนออสเตรียสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ต้องมาเยือนให้ได้ไม่เช่นนั้นเหมือนมาไม่ถึงออสเตรียก็คือHallstatt ดั้งเดิมนั้นทัวร์คนไทยส่วนใหญ่จะไปเที่ยวแค่ Vienna, Salzburg, Innsbruck เท่านั้น เพิ่ง 10 กว่าปีนี้เอง ที่ Hallstatt กลายเป็นจุดหมายปลายทาง The Must โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาถึงแล้วต้องถ่ายรูปกับมุมมหาชนที่เห็นเมื่อไหร่ก็รู้เลยว่านี่คือ Hallstatt และเมื่อกลับมาบ้าน เห็นภาพถ่ายเมื่อไหร่ก็คิดถึงให้ได้
การเดินทางด้วยรถไฟไป Hallstatt ค่อนข้างลำบาก หากเดินทางเองโดยไม่ใช้ทัวร์ ไม่ว่าจะไปจากเวียนนา หรือซัลส์บวก หากนักท่องเที่ยวเลือกเดินทางด้วยรถไฟจากเวียนนาก็ต้องใช้เวลาถึงเกือบ 4 ชั่วโมง และต้องต่อรถไฟ และรถเมล์ถึง 3 รอบ แต่หากเลือกเดินทางด้วยรถไฟจาก Salzburg ก็จะใช้เวลาน้อยกว่าเล็กน้อยประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง แต่ก็ต้องใช้รถไฟและรถเมล์2-3 รอบเช่นกัน แล้วแต่รถที่เลือกนั่ง หากเลือกใช้รถไฟอย่างเดียว ก็จะมีช่วงที่นั่งเรือข้ามฟากในทะเลสาบ Hallstatt จากสถานีรถไฟไปยังเมืองด้วยโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มซึ่งก็สวยคุ้มค่ากับความยุ่งยาก อีกทั้งยังเป็นวิวที่คนใช้ทัวร์ไม่สามารถมีได้
หมู่บ้าน Hallstatt ในเขต Gmunden ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ Hallstatt นี้มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตเกลือย้อนไปถึงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึง 7 พันปี ในยุคทองแดงนั้น การผลิตเกลือเป็นปัจจัยสำคัญของโลก ชาวเมืองจะทำเหมืองเกลือจนสร้างความมั่งคั่งให้กับเมืองในช่วงเวลานั้น ปี 1846 Johann Georg Ramsauer พบหลุมฝังศพยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เหมือง Salzberg ใกล้ Hallstatt ซึ่งเขาได้ขุดพบหลุมมากถึง 1,045 โดยเป็นผู้หญิงและเด็กเป็นส่วนใหญ่ การค้นพบนี้พิสูจน์ว่า Hallstatt เป็นเหมืองเกลือมาตั้งแต่ปี 800 ก่อนคริสตกาลสังเกตได้จากการตกแต่งหลุมศพที่หลงเหลืออยู่ การที่ดินอุดมด้วยเกลือจึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเก็บรักษาสภาพไม่ว่าจะเป็นผ้า ไม้ หนัง รวมทั้งสิ่งของต่างๆ ทั้งเครื่องมือ รองเท้า และกระเป๋าติดตัวของคนงานเหมืองให้อยู่ในสภาพดี
หมู่บ้านบนทะเลสาบ Hallstatt ในเทือกเขา Salzkammergut นี้ เต็มไปด้วยบ้านและร้านอาหารที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเองน่าที่จะมีเวลากับบรรยากาศสวยๆรอบหมู่บ้านได้อย่างจุใจกว่ามาทัวร์ที่มักมาจอดรถบัสทางทิศตรงข้ามกับจุดถ่ายรูป สถานที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนี้มีอยู่หลายแห่ง ตั้งแต่เดินเล่นในเมืองไปยังจุดถ่ายรูปวิวมหาชนที่มีระยะทางเกือบกิโลเมตร ณ จุดถ่ายรูปนี้อาจต้องใช้ความอดทนในการรอคอยเพื่อให้ได้ภาพสวยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีทัวร์นำหน้าทั้งไทยจีน และฝรั่ง สถานที่ท่องเที่ยวอื่น อาทิWelterbemuseum มิวเซียมที่บอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านแห่งนี้และประวัติของการขุดเหมืองเกลือ เหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เข้าชมได้เฉพาะบางฤดูกาลและต้องมาแต่เช้าเพราะคิวยาว รวมทั้งจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน
นอกจากจุดถ่ายรูปแล้ว นักท่องเที่ยวที่มีเวลาต้องไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งบนเขาที่สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ตลอด และคนไม่มากแต่ต้องมีขาอันแข็งแรง นั่นคือ หลุมฝังศพ ตำแหน่งหลุมฝังศพของที่นี่เป็นตำแหน่งที่เชื่อกันว่ามีวิวสำหรับคนตายที่สวยที่สุดในโลก เพื่อไม่ให้ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งครอบครองโดยเด็ดขาด แต่ให้ทุกคนมีโอกาสชมวิวสวยหลังจากเสียชีวิตแล้ว ทางโบสถ์ Hallstatt จึงมีระเบียบอนุญาตให้ฝังศพได้เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น Hallstatt จึงไม่เพียงเป็นสวรรค์สำหรับคนเป็น ยังเป็นหรือสวรรค์ของคนตายด้วยหรืออาจเรียกได้ว่า สวรรค์ของทั้งสองโลกนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี