เมื่อเร็วๆ นี้ โกลด์แมน แซคส์ ประเมินว่า ประชากรสัตว์เลี้ยงในจีนน่าจะมีจำนวนมากกว่าเด็กเล็กเกือบเท่าตัว ภายในปี 2573 โดยจำนวนสัตว์เลี้ยงน่าจะมีกว่า 70 ล้านตัว
ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนจำนวนเด็กเล็กที่มีอายุไม่เกิน 4 ขวบน่าจะไม่เกิน 40 ล้านคน เป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2560 ที่จำนวนสัตว์เลี้ยงในเขตเมืองอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านตัว ในขณะที่จำนวนเด็กเล็กอยู่ที่ราว 90 ล้านคน
ข้อมูลจากรายงานอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงจีน พบว่า ในปี 2566 ชาวจีนอายุ 23-33 ปี เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมดในจีน และเพราะการที่คนรุ่นใหม่เลือกเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนจะเติบโตมีมูลค่าแตะ 12,000 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 และการเลี้ยงแมวจะแซงหน้าสุนัข เนื่องจากต้องการพื้นที่ในการเลี้ยงน้อยกว่า ขณะที่เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น ข้อมูลจากสมาคมอาหารสัตว์เลี้ยงและยูโรมอนิเตอร์ ประเมินว่า ประชากรสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่นอยู่ที่ราว 20 ล้านตัวในปี 2565 เท่ากับมากกว่าเกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับจำนวนเด็กอายุไม่เกิน 4 ขวบในประเทศ
ความนิยมสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นในจีนอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางแนวโน้มอัตราการเกิดที่ลดลง คาดว่าอัตราเด็กเกิดใหม่ในจีนจะหดตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.2 ไปจนถึงปี 2573 ปัจจัยหลักมาจากจำนวนประชากรเพศหญิงอายุ 20-35 ปีลดลง ส่วนคนรุ่นใหม่อยากมีลูกน้อยลง แต่นิยมเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น
เมื่อปีที่แล้ว จำนวนเด็กเกิดใหม่ในจีนอยู่ที่ 9.02 ล้านคน ลดลงร้อยละ 5.7 นับเป็นปีที่ 2 ที่จำนวนเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน และอัตราการเกิดแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 6.39 คนต่อประชากร1,000 คน ลดลงจาก 6.77 ต่อประชากร1,000 คน ในปี 2565 แต่ยังสูงกว่าอัตราการเกิดของญี่ปุ่นที่ 6.3 คนต่อประชากร 1,000 คน ในปี 2565 และเกาหลีใต้อยู่ที่ 4.9 คน
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่า ในปี 2566 จำนวนประชากรจีนลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อยู่ที่ 1.41 พันล้านคน ลดลง 2.08 ล้านคน หรือร้อยละ
0.15 ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ลดลง 850,000 คน
เมื่อปีที่แล้ว จีนถูกอินเดียแซงหน้าขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และสหประชาชาติคาดการณ์ว่าประชากรจีนอาจลดลงเหลือต่ำกว่า 1 พันล้านคนก่อนสิ้นศตวรรษนี้ โดยในปี 2565 อัตราการเจริญพันธุ์ของจีนลดลงเหลือ 1.2 คนต่อผู้หญิง1 คน ส่งผลให้จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดในโลกในขณะที่จีนจำเป็นต้องมีอัตราการเจริญพันธุ์ไม่ต่ำกว่า 2.1 คน ซึ่งเป็นระดับที่จะทำให้จำนวนประชากรคงที่
แม้ว่าในปี 2566 อัตราการแต่งงานใหม่ในจีนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 7.68 ล้านคู่ แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรที่มีอายุระหว่าง25-29 ปี ยังคงไม่ได้แต่งงาน โดยการแต่งงานช้ากลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ส่วนสถานการณ์การแต่งงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ในภาวะชะลอตัว ข้อมูลจากกระทรวงกิจการพลเรือน เผยว่า มีคู่รักรวม 3.43 ล้านคู่ที่เข้าพิธีวิวาห์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 498,000 คู่ หรือร้อยละ 12.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 เนื่องจากคนหนุ่มสาวจำนวนมากเลื่อนการแต่งงานออกไป ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เมื่อแยกรายไตรมาส พบว่าไตรมาสแรกปีนี้มีการแต่งงานทั้งหมด1.97 ล้านคู่ และไตรมาส 2 อยู่ที่1.46 ล้านคู่ ซึ่งปกติแล้วการแต่งงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีมักมีสัดส่วนร้อยละ 53 ของภาพรวมทั้งปี หมายความว่าจำนวนการแต่งงานในปีนี้น่าจะไม่ถึง 6.5 ล้านคู่ น้อยกว่าเมื่อปี 2566 และต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2523
วิกฤตประชากรที่จีนกำลังเผชิญอยู่ ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการรับมือ ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมตามมา โดยในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้อนุมัติแผนปฏิรูปคุณภาพชีวิตประชากร ครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมดตั้งแต่วัยเด็ก หนุ่มสาว ไปจนถึงวัยชรา
มาตรการหนึ่งในนั้น คือ การเพิ่มอายุเกษียณอย่างเป็นทางการภายใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อายุเกษียณในจีนต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยวิธีนี้จะทำให้ผู้คน
ทำงานได้นานขึ้นท่ามกลางแรงกดดันเกี่ยวกับการใช้จ่ายเรื่องสวัสดิการบำนาญ
ทั้งนี้ อายุขัยเฉลี่ยของชาวจีนเพิ่มขึ้นเป็น 78 ปี ในปี 2564 จากเดิมอยู่ที่ 44 ปี ในปี 2503 ซึ่งสูงกว่าสหรัฐฯ และคาดว่าอายุขัยเฉลี่ยของจีนจะเพิ่มเป็น 80 ปี ภายในปี 2593 สำหรับอายุเกษียณของจีนขณะนี้ ผู้ชายอยู่ที่ 60 ส่วนผู้หญิงที่ทำงานในสำนักงานอยู่ที่ 55 ปี หากผู้หญิงทำงานในโรงงานจะอยู่ที่ 50 ปีต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีอายุเกษียณที่62 ปี ส่วนเยอรมนีอยู่ที่ 66 ปี
หน่วยงานด้านสุขภาพแห่งชาติของจีนคาดการณ์ว่า ประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นจาก 280 ล้านคน เป็นมากกว่า 400 ล้านคน ภายในปี 2578 หรือเทียบเท่ากับประชากรทั้งหมดของอังกฤษและสหรัฐฯ ในปัจจุบันรวมกัน
ขณะเดียวกัน ทางการจีนเตรียมแก้กฎหมายเอื้อให้การจดทะเบียนสมรสง่ายขึ้น ในทางกลับกันการหย่าร้างจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการหย่าร้างด้วยอารมณ์ชั่ววูบ โดยกระทรวงกิจการพลเรือนได้เผยแพร่ร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อมุ่งสู่การสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อครอบครัว ซึ่งจะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนไปจนถึงวันที่ 11 กันยายนนี้
และในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ มหาวิทยาลัยอาชีวศึกษาด้านกิจการพลเรือนในกรุงปักกิ่งเตรียมเปิดสอนหลักสูตร 4 ปี ด้านการจัดการงานแต่งซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสอนให้นักศึกษาเรียนรู้วัฏจักรทั้งหมดของการแต่งงานและการสร้างครอบครัว ครอบคลุมทั้งการวางแผนแต่งงาน บริการจัดหาคู่การวางแผนครอบครัว เศรษฐศาสตร์ของอุตสาหกรรมการแต่งงาน โดยเปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี 70 คน จาก 12 มณฑล
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี