ลูกติดหน้าจอจนไม่สนใจใคร อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “ออทิสติกเทียม” ภาวะที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ซึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ทำให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้าคล้ายกับโรคออทิสติก
แพทย์หญิงปัทมาพร ทองสุขดีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล BMHH - Bangkok Mental Health Hospital อธิบายว่า ภาวะออทิสติกเทียม หรือที่เรียกกันว่า Virtual Autism เป็นคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกคล้ายกับเด็กที่มีภาวะออทิสติก เช่น ชอบเล่นคนเดียว ไม่สนใจเด็กวัยเดียวกัน, ไม่สบตาเวลาพูดคุย, ไม่สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้, มักแสดงออกด้วยการโวยวาย มีอารมณ์ก้าวร้าว, พูดช้า พูดภาษาการ์ตูน หรือพูดตามโดยไม่เข้าใจความหมาย, และติดอุปกรณ์สื่อสาร เช่น แท็บเลต สมาร์ทโฟน โดยไม่สนใจกิจกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ อาการเหล่านี้จะเริ่มสังเกตได้ชัดเจนมากขึ้นในช่วงอายุ 2 ปี
ความแตกต่างของออทิสติกแท้และออทิสติกเทียม ได้แก่ ออทิสติกแท้จะเกิดจากความผิดปกติของสมองโดยตรง โดยมีปัจจัยมาจากพันธุกรรม ซึ่งพบว่าเด็กออทิสติกประมาณ 10-20%มีความผิดปกติที่ส่วนจำเพาะของโครโมโซมหรือยีน รวมถึงปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ภาวะแทรกซ้อนหรือการใช้ยาบางชนิดของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ ส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดมาพร้อมกับภาวะออทิสติก นอกจากนี้การที่คุณแม่สัมผัสกับสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก รวมถึงมลพิษ PM2.5 อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดออทิสติกได้
ในขณะที่ออทิสติกเทียม เป็นภาวะที่เด็กขาดการกระตุ้นในการสื่อสาร 2 ทาง (Two-way Communication) ส่งผลให้เกิดความล่าช้าทางการสื่อสารและมีพัฒนาการทางสังคมที่ไม่ปกติ โดยมีสาเหตุหลัก ดังต่อไปนี้
1.การขาดปฏิสัมพันธ์ : เด็กไม่ได้รับการพูดคุย เล่น หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่นๆ อย่าง เพียงพอ2.การใช้หน้าจอมากเกินไป : การใช้เวลาอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แท็บเลต หรือคอมพิวเตอร์มากเกินไป ทำให้เด็กขาดการพัฒนาทักษะทางสังคม และมีการสื่อสารเพียงทางเดียว 3.การเลี้ยงดูที่เข้มงวดเกินไป : การเลี้ยงดูที่ไม่ยืดหยุ่น หรือการปกป้องลูกมากเกินไป 4.การขาดการกระตุ้นพัฒนาการ : เด็กไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตามวัย
คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่สงสัยว่าลูกเป็นออทิสติกแท้หรือออทิสติกเทียม แนะนำให้พาบุตรหลานเข้ารับการตรวจเช็คพัฒนาการกับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยอาการให้ถูกต้องชัดเจน ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะช่วง 5 ปีแรกของเด็กเป็นช่วงวัยที่สมองมีพัฒนาการอย่างเต็มที่ หากไม่ได้รับการดูแลและแก้ไขที่ถูกต้องอาจทำให้เด็กผิดปกติไปในระยะยาว แก้ไขไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หากเด็กได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ดูแลอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอมากขึ้น อาการของภาวะออทิสติกเทียมจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายได้ ซึ่งสามารถทำได้โดยการปรับการเลี้ยงดู เช่น งดสื่อหน้าจอทุกชนิดในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี หากอายุมากกว่า 2 ปี ให้ดูจอได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน และควรเป็นการดูร่วมกันกับผู้ดูแล โดยแบ่งระยะเวลาการดูเป็นช่วงๆ ทั้งนี้ต้องไม่ใช้จอเป็นเงื่อนไขให้เด็กทำอะไร เช่น ดูจอได้ระหว่างกินข้าว, เล่นกับเด็กให้มากขึ้น พูดคุยโต้ตอบแบบ Two-way Communication พูดคุยกับเด็กและเว้นจังหวะให้เด็กโต้ตอบ ฝึกให้เด็กมองหน้าสบตาเวลาพูดด้วย การเล่นบทบาทสมมุติ, ฝึกกิจกรรมบำบัดเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ และปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม, และเปิดโอกาสให้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน เพื่อเรียนรู้ที่จะเข้าสังคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี