ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว Generative AI หรือ AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ๆ ได้เอง กำลังเป็นที่นิยมและมีบทบาทสำคัญในการทำงานในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์เนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มาดูกันว่าประโยชน์ของการใช้ Generative AI ในการทำงานมีอะไรบ้าง

ข้อมูลจาก อุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด และผู้บริหาร เรียลสมาร์ท อะคาเดมี่ (Real Smart Academy)เปิดเผยว่า ปัจจุบัน Generative AI ได้ถูกพัฒนาความสามารถและนำมาใช้งานในด้านต่างๆ เป็นจำนวนมากทั้งใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ในการเรียน ใช้กับการทำงานหรือใช้กับการทำธุรกิจ ซึ่ง Generative AI นั้นมีหลายประเภทเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Generative AI ที่เก่งในด้านของงานเขียน หรือ Generative AI ที่เก่งในด้านของการสร้างรูปภาพ แต่ในครั้งนี้ผมจะขอยกตัวอย่างขึ้นมาสัก 12 ตัวที่จะช่วยให้ชีวิตทุกคนสบายขึ้นแทนนะ

Generative AI ประเภท Chat

1.ChatGPT หรือ Chat Generative Pre-Trained Transformer เป็น Generative AIประเภทหนึ่งที่มีหน้าตาอยู่ในรูปแบบของ Chat โดยตัวของ ChatGPT นั้นถูกสร้างโดยทีมงานที่มีชื่อว่า OpenAI ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสร้าง AI ที่โด่งดังที่สุดในโลก โดยที่ตัวของ ChatGPT นั้น มีทั้งเวอร์ชั่นเสียเงินและฟรี โดยหลักๆ หน้าที่การทำงานของมันคือ เราจะสามารถเข้าไปพิมพ์ถามหรือสั่งอะไรบางอย่างที่เราต้องการ หลังจากนั้นตัวของ ChatGPT ก็จะตอบผลลัพธ์ออกมาตามคำสั่งของเรา เช่น สามารถตอบคำถาม ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย ช่วยเขียนบทความ อีเมล และเอกสารต่างๆ, ช่วยแปลภาษา แปลข้อความระหว่างภาษาต่างๆ, ช่วยสร้างรูปภาพ จากคำอธิบายที่ให้มา ช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพ เทคโนโลยีและพลังงานสะอาด เป็นต้น

2.Claude.AI เป็นอีกหนึ่ง Generative AI ที่อยู่ในรูปแบบของ Chat โดยทีมงานผู้สร้างที่มีชื่อว่า Anthropic และมีผู้สนับสนุนคือ Amazonซึ่งความเก่งของ Claude.AI ก็คือเป็น GenAIที่สามารถทำงานกับภาษาไทยได้อย่างดีมาก และเช่นเดียวกันว่า การสมัครใช้งานนั้นมีทั้งเวอร์ชั่นเสียเงินและฟรี

3.Gemini หรือ Bard จาก Google เป็นอีก GenAI ที่ถูกพูดถึงกันมากเช่นกันเพราะมีความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำสั่งออกมาเป็นในรูปแบบของตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้กระทั่งชาร์ตต่างๆ และในแง่ของการใช้งานก็มีให้เลือกใช้ทั้งรูปแบบจ่ายเงินและฟรี เช่นกัน สามารถเลือกใช้งานแล้วแต่ว่าผู้ใช้งานสะดวกใช้แบบไหนกันได้เลย

4.Perplexity นั้นเป็น AI ที่มีหน้าตาคล้ายๆ กับ 3 ตัวก่อนหน้านี้ที่กล่าวไปก็จริง แต่ความสามารถของ Perplexity นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเพราะ Perplexity นั้นถูก Design การใช้งานและแนวทางการตอบคำถามของผู้ใช้งานให้ออกมาในแง่ของการทำ Research เพราะทุกๆ ครั้งที่ตัว AI ตอบคำถามของเรามานั้นจะตามมาด้วย Reference ของแหล่งข้อมูลมาให้ทุกๆ ครั้งด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ AI นำมาตอบนั้นมีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้

5.Midjourney เป็นหนึ่งในโปรแกรมสร้างรูปภาพที่ดังและดีมาก ขั้นตอนในการสร้างรูปภาพของ Midjourney ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแค่พิมพ์ข้อความคำสั่งของสิ่งที่อยากได้เข้าไป ระบบ Midjourney ก็จะส่งผลลัพธ์ออกมาเป็นรูปภาพที่มีคุณภาพสูงพร้อมใช้งานออกมาให้เราในส่วนของ Package การใช้งานแม้ว่าจะไม่มีเวอร์ชั่นฟรีให้ทดลองใช้งาน แต่ว่า Midjourney ก็มี Packageเริ่มต้นอยู่ที่ราคาเพียงประมาณ 300 บาทต่อเดือนเท่านั้นให้สมัครใช้งาน เพียงเท่านี้ท่านผู้อ่านก็สามารถสร้างรูปภาพด้วย GenAI ได้ด้วยตัวเองแล้ว

6.Dall-E เป็นหนึ่งในตัวเลือกเกี่ยวกับ GenAI สำหรับสร้างรูปภาพที่น่าทดลองใช้เป็นอย่างมากเช่นกัน เพราะมี Package ฟรีให้ทุกท่านได้ลองเล่น แถมยังได้คุณภาพของรูปภาพที่ค่อนข้างโอเคในหลายๆ ประเภท เช่น รูปภาพประเภทการ์ตูนหรือรูปภาพแบบสามมิติ ซึ่งท่านผู้อ่านก็สามารถเข้าไปใช้งาน Dall-E ได้ในหลากหลายช่องทาง เช่น ใช้งานผ่าน Bing, ใช้งานผ่าน ChatGPT โดยระบบ AI จะดึง Dall-E เข้ามาในระบบของ AI แต่ละตัวให้ท่านผู้อ่านลองใช้งานกัน

7.Stable Diffusion นั้นเป็น GenAI สำหรับสร้างรูปภาพที่มีคุณภาพสูงมากในแง่ของการสร้างรูปภาพแบบที่มีการควบคุมปัจจัยอะไรบางอย่าง หรือ ที่เรียกว่า Controlnet เช่น การสร้างรูปบ้านโดยอ้างอิงจากรูป Sketchedที่เรามีอยู่แล้ว หรือการสร้างรูปคนโดยที่เรากำหนดลักษณะหน้าตา ท่าทาง หรือชุดเอาไว้ก่อนแล้ว

Generative AI ประเภทสร้างวีดีโอ

8.Runway.ML เป็นหนึ่งใน GenAI ที่ช่วยในการเปลี่ยนจากข้อความที่เราพิมพ์หรือเปลี่ยนจากรูปภาพที่เรามีให้กลายเป็นวีดีโอ โดยที่เราสามารถแก้ไของค์ประกอบของรูปภาพและวีดีโอได้ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี AI ล่าสุด ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ Image to Video ให้เราสามารถสร้างวีดีโอคุณภาพสูงได้ง่ายกว่าจากเดิมอีกด้วย นับได้ว่า Runway นั้นเป็นอีกเครื่องมือ AI ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์และปรับแต่งสื่อต่างๆ โดยที่ผู้ใช้งานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใช้งาน

9.Heygen ก็เป็น Generative AI ประเภทสร้างวีดีโอเหมือนกัน แต่จะต่างกันกับ Runway.ML ตรงที่ Heygen จะสร้างวีดีโอจากวีดีโอที่เรามีอยู่แล้ว และจะมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนตัวเราให้กลายเป็น Avatar และใช้งานซ้ำในอนาคตได้ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการวีดีโอของตัวเราเองพูดภาษาเยอรมัน เราก็เพียงอัปโหลดวีดีโอของตัวเองให้กับระบบ Heygen หลังจากนั้นตัวระบบก็จะทำการเรียนรู้ ทั้งลักษณะการพูด รูปแบบเสียงและรูปแบบการขยับของเรา หลังจากนั้นเมื่อระบบทำการเรียนรู้เรียบร้อยแล้ว เราก็เพียงแค่การพิมพ์ข้อความภาษาเยอรมันที่ต้องการจะให้ Avatar ของเราสื่อสารออกมาเข้าไปในระบบ หลังจากนั้นระบบก็จะสร้างวีดีโอตัวของเราที่ กำลังขยับมือ กำลังพูดตามข้อความที่เราได้พิมพ์เข้าไป โดยเราไม่จำเป็นต้องอัด Video อีกรอบเลย

10.Microsoft Project Sophia หรือ BigqueyData Canvas ที่เป็น GenAI ที่เน้นการทำงานกับข้อมูลเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น เราโยน Data เข้าไปและให้ระบบเปลี่ยนให้ข้อมูลเหล่านั้นกลายเป็น Chartหรือให้ AI หา Insight บางอย่างให้กับเราได้

11.Github Copilot เป็น GenAI อีกตัวที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของการทำ Coding หรือเขียนโปรแกรมโดยเฉพาะนั่นเอง

12.Suno.AI เป็น AI ที่มีสามารถช่วยงานด้านเสียงได้ โดยที่ระบบ AI ของ Suno สามารถสร้างเพลงเพราะๆ ออกมาเพียงให้เรา เพียงแค่เราพิมพ์ข้อความลงไปบอกโปรแกรมนี้ว่าเราอยากได้เพลงแบบไหน ระบบก็จะสร้างสรรค์ข้อความของเราออกมาเป็นเพลงให้นั่นเอง

จาก Generative AI ทั้ง 12 ตัวที่เราได้ยกตัวอย่างมาให้เลือกใช้กันนั้นเป็นเพียง AI บางส่วนที่มีในปัจจุบันเท่านั้น จริงๆ แล้ว Generative AI ยังมีอีกหลายตัว และอีกหลายหน้าที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ในฐานะผู้ใช้งาน เราควรจะศึกษาและทดลองอย่างรอบคอบครับ และหวังว่า 12 เครื่องมือ AI ที่แนะนำนี้จะช่วยให้ชีวิตของทุกคนสบายขึ้น ถ้าใครมีคำถามใดใดเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ AI สามารถเข้ามาติดตามและทักทายกันได้ที่Facebook.com/realsmartacademy

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ