มูลนิธิเพื่อนหญิง ร่วมกับภาคีเครือข่าย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประสานความร่วมมือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและบุคคลในครอบครัว จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พร้อมระดมความคิดเห็น บนฐานความร่วมมือ MOU การแก้ไขป้องกันความรุนแรงในครอบครัว หาข้อสรุปเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อันจะนำสู่การกำหนดนโยบายหนุนเสริมการทำงานแก่หน่วยงานภายใต้สังกัดระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างเป็นระบบในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อนหญิง ทำงานร่วมกับ 3 หน่วยงานหลักในท้องถิ่นที่มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากมีความใกล้ชิดและปฏิบัติงานในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และ โดยหน่วยงานทั้งหมดอยู่ภายใต้สังกัด กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายใต้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า “จากการถอดบทเรียน และหารือร่วมกับภาคีที่ทำงานในพื้นที่3 จังหวัด ทั้งจังหวัดน่าน อุบลราชธานี และสงขลา ทำให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะกับบริบทโดยรวมในการแก้ปัญหาความรุนแรงระดับชุมชน และได้ยืนข้อเสนอให้กับตัวแทนของหน่วยงานส่วนกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้ กรมกิจการเด็กเยาวชน, กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ก็จะร่วมเชิญ 4 หน่วยงานเพื่อหารือในการจัดทำแนวทางสนับสนุนกลไกของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต (พชอ.) และองค์กรท้องถิ่น
ให้มีทักษะ ศักยภาพ ในการจัดระบบบริการคุ้มครอง บำบัดฟื้นฟูครอบครัวได้อย่างมีคุณภาพ ไม่กลับมาถูกกระทำซ้ำ ลดการทำร้าย เสียชีวิต ของเด็กสตรี ผู้สูงอายุ โดยใช้กรอบ 4D และ 5S รวมถึงการขยายผลการทำงานไปยังพื้นที่อื่นต่อไป”
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายต่อกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ความร่วมมือในการสนับสนุนกลไกระดับพื้นที่ระดับชาติ เพื่อการคุ้มครองเด็ก สตรี บุคคลในครอบครัว สาระสำคัญที่ยื่นต่อกระทรวงมหาดไทย อาทิ กำหนดตัวชี้วัดแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอ ให้มีการบูรณการการแก้ไขปัญหายาเสพติดผู้ป่วยจิตเวช และความรุนแรงในครอบครัว เป็นวาระเร่งด่วนของจังหวัด, บรรจุเรื่องการคุ้มครองเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว อยู่ในแผนเทศบัญญัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกพื้นที่ การกำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง องค์กรท้องถิ่น ในการคุ้มครองสวัสดิภาพความปลอดภัย เด็กสตรีและบุคคลในครอบครัว ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 รวมทั้งในหลักสูตรโรงเรียนนายอำเภอ เนื่องจากที่ผ่านมานายอำเภอยังไม่ค่อยรับทราบเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตนเองในส่วนนี้ เป็นต้น
ข้อเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ การส่งเสริมบทบาทเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลกลาง ครอบครัวที่มีความเสี่ยง เปราะบาง มีการใช้ความรุนแรง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการวางแผนและบูรณาการ การคุ้มครอง บำบัด เยียวยา ของคณะกรรมการ พชอ., ยกระดับการทำงานของศูนย์พึ่งได้ รองรับการทำงาน โดยมีแผนร่วมกับสหวิชาชีพอื่นๆ
ภายใต้กฎหมายคุ้มครอง เด็ก สตรีและบุคคลในครอบครัว
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้มอบนโยบายต่อผู้บังคับการจังหวัด ให้ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ จัดกิจกรรมกับเครือข่ายชุมชน ป้องกัน ลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอาชญากรรมในส่วนของ พม.สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ ให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีทักษะและศักยภาพ ในการคุ้มครองสวัสดิภาพความปลอดภัยของเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง, สนับสนุนงบประมาณเพื่อการอบรมเพิ่มทักษะชีวิต รวมถึงสนับสนุนการเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีกรณีเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในครอบครัวและชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี