น้ำนมแม่ เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นมากมาย แต่ในปัจจุบัน คุณแม่หลายคนกลับประสบปัญหาน้ำนมน้อย เนื่องจากความเครียดและต้องทำงานควบคู่กับการให้นมลูกทำให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก โดยผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย ปี 2565 ของยูนิเซฟ ชี้ว่ามีทารกเพียง 1 ใน 3 ส่วนของคนไทยที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมายโลกและน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะทารกที่ไม่ได้กินนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรก จะขาดโอกาสในการรับสารอาหารที่มีในนมแม่ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
แพทย์หญิงวรรัตน์ โกวิทจินดาชัย กุมารแพทย์ ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลวิมุต ให้ข้อมูลว่า นมแม่ เป็นอาหารที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กทารก เนื่องจากมีสัดส่วนสารอาหารที่เหมาะในการย่อยและดูดซึมสำหรับทารก ซึ่งนอกจากเจ้าตัวเล็กจะได้สารอาหารเพียงพอ ยังช่วยให้ย่อยอาหารและดูดซึมง่าย เสริมภูมิต้านทาน ช่วยลดการติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร นอกจากนี้เด็กที่ดื่มน้ำนมแม่จะน้ำหนักขึ้นเร็ว แถมยังช่วยเสริมสร้าง EQ กับ IQให้กับเด็กด้วย ทั้งนี้ คุณแม่ทุกคนควรให้น้ำนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก เพราะน้ำนมแม่จะปรับสารอาหารให้เหมาะกับช่วงอายุของลูก โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ น้ำนมระยะที่ 1 (Colostrum) จะหลั่งออกมาในช่วงประมาณ 1-3 วันหลังคลอด มีพลังงานและภูมิต้านทานสูง ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ขับถ่ายง่าย ต่อมาในน้ำนมระยะที่ 2 (Transitional Milk) จะหลั่งออกมาในช่วงสัปดาห์แรกถึงสัปดาห์ที่สอง น้ำนมในช่วงนี้จะสะสมโปรตีน วิตามิน รวมถึงพลังงานอื่นๆ ที่จำเป็นต่อทารก สุดท้ายคือน้ำนมระยะที่ 3 (Mature Milk) เป็นน้ำนมที่หลั่งออกมาหลัง 2 สัปดาห์ และสามารถให้ต่อเนื่องได้ถึง 6 เดือน โดยปริมาณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสัดส่วนของสารอาหารในน้ำนมแม่สอดคล้องกับการเติบโตของลูกน้อยของเรา
เครียด-พักผ่อนน้อย ทำคุณแม่น้ำนมไม่พอ
เนื่องจากชีวิตของผู้คนในตอนนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน คนเป็นแม่หลายคนยังต้องทำงานพร้อมกับการเลี้ยงลูก ทำให้เวลาพักผ่อนน้อยลงและไม่มีเวลามาปั๊มน้ำนมเตรียมไว้ ซึ่งการปั๊มนมไม่สม่ำเสมอหรือไม่ครบรอบ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำนมมีปริมาณน้อยลง โดยเบื้องต้นคุณแม่สามารถเพิ่มน้ำนมได้ด้วยตนเองผ่านการปรับพฤติกรรม หากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอหรืออาจต้องปั๊มนมให้ถี่และสม่ำเสมอขึ้น เพื่อกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนที่สร้างน้ำนม ทานอาหารเสริมหรือสมุนไพร เช่น ขิง หัวปลี สามารถช่วยเสริมสร้างการผลิตน้ำนมได้เช่นกัน ส่วนเวลาให้นมลูกก็ควรใช้ท่าที่ถูกต้องและสบาย เพื่อให้คุณแม่สามารถอยู่ในท่าให้น้ำนมได้นานและช่วยให้ทารกดูดน้ำนมได้ง่ายยิ่งขึ้น หากทำตามวิธีเบื้องต้นแล้วยังไม่ช่วยแก้ปัญหา คุณแม่สามารถมาพบแพทย์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขร่วมกัน ในบางกรณีแพทย์อาจจ่ายยากระตุ้นน้ำนมร่วมด้วย
อันตรายจาก “นมผง” หากเลือกไม่ถูกวิธี
ปัจจุบันนมผงหลายยี่ห้อพยายามใส่ส่วนผสมเพื่อให้เทียบเคียงกับน้ำนมแม่ แต่ไม่สามารถดูดซึมได้ง่ายเหมือนนมแม่ และไม่ใช่ทุกชนิดจะเหมาะกับเด็กทุกคน คุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อนมผง เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมาย อย. ใช้สูตรที่เหมาะสมตามช่วงวัย นมผงบางสูตรเหมาะสำหรับให้เด็กขับถ่ายได้สบายท้อง สูตรสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว สูตรต่อเนื่องตามอายุ หรือบางสูตรเหมาะสำหรับเด็กป่วยที่ขาดเอนไซน์บางชนิด ซึ่งไม่สามารถกินนมแม่ได้ เป็นต้น
“เข้าใจว่าปัจจุบันคุณแม่หลายคนต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วยจนเหนื่อยและเครียด ร่างกายเลยผลิตน้ำนมออกมาไม่เพียงพอแต่ก็อยากให้คนเป็นแม่ทุกคนหาเวลาดูแลตัวเองให้มากขึ้น พักทำกิจกรรมผ่อนคลายตัวเองบ้าง และนอนพักให้เยอะๆ ก็ช่วยให้ผลิตน้ำนมได้เยอะขึ้น ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็อาจใช้นมผงร่วมได้ แต่อยากให้ใช้ให้น้อยที่สุด และเลือกอย่างระมัดระวัง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใจได้และเหมาะกับลูกของเรา หรือจะเข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรงเพื่อหาวิธีเพิ่มน้ำนมก็ได้เช่นกัน คุณแม่จะได้หมดกังวลเรื่องน้ำนมไม่เพียงพอ และช่วยให้ลูกของเราเติบโตมาได้อย่างแข็งแรง” พญ.วรรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สามารถติดต่อได้ที่ ชั้น 3 ศูนย์กุมารเวช หรือโทรนัดหมาย 02-0790038 เวลา 08.00-20.00 น.หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี