ในเด็กบางคน มองภายนอกก็ดูปกติดแต่กลับมีอาการผิดปกติ เช่น มีอาการเหนื่อยหอบ หรือมีน้ำหนักตัวผิดปกติไม่สมกับวัยซึ่งสร้างความกังวลให้ผู้ปกครองอย่างมาก จริงๆ แล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวน้อยเป็น “โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด” ภาวะผิดปกติของโครงสร้างหัวใจที่พบได้ในเด็กแรกเกิด 8 ใน 1,000 คน ที่หากไม่รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เด็กโตมาไม่แข็งแรงและกระทบการใช้ชีวิตในระยะยาว
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลวิมุต ให้ข้อมูลว่าโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital Heart Disease) คือความผิดปกติของโครงสร้างของหัวใจหรือหลอดเลือดหัวใจ ที่เกิดในกระบวนการสร้างหัวใจในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 5-12 สัปดาห์ “โดยโรคนี้แบ่งได้เป็นสองประเภท คือ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเขียว คือเลือดดำผสมกับเลือดแดงตั้งแต่เกิด กลุ่มนี้มักมีอาการรุนแรงตั้งแต่เด็ก เช่น เหนื่อยหอบมากขณะดูดนมแม่ โตช้า และเหนื่อยง่ายตอนออกกำลังกายอีกประเภทคือ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดไม่เขียว ส่วนใหญ่เกิดจากผนังหัวใจรั่ว แต่เลือดแดงกับเลือดดํายังไม่ผสมกัน กลุ่มนี้อาจมีอาการเมื่อโตขึ้นมา เช่น เหนื่อยง่าย ออกกําลังกายไม่ไหวมีน้ำหนักหรือส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์
ปัจจัยเสี่ยงของคุณแม่ที่ทำให้เด็กเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ได้แก่ กลุ่มคุณแม่อายุมาก ทำให้มีความเสี่ยงที่ลูกเกิดมาเป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคดาวน์ซินโดรม ส่งผลให้เด็กเจริญเติบโตช้า มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเสี่ยงโรคทางหัวใจประมาณ 40% ต่อมาคือกลุ่มคุณแม่ที่เป็นโรคระหว่างตั้งครรภ์ เช่น 1.โรคเบาหวาน ที่ทำให้ทารกตัวโต เพิ่มความเสี่ยงภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดหรือหลอดเลือดหัวใจสลับขั้ว 2. โรคไข้หวัดใหญ่ ที่เมื่อเด็กโตขึ้นจะมีความเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าเด็กปกติถึงสองเท่า 3.โรคหัดเยอรมัน ที่จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดของทารก 4.กลุ่มคุณแม่ที่ได้รับสารเคมีหรือได้รับยาระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะยากันชัก ก็อาจมีผลต่อเด็กในครรภ์ คุณแม่ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์จึงต้องปรึกษาแพทย์ในการใช้ยาอยู่เสมอ และในกลุ่มสุดท้ายคือ 5. กลุ่มคุณแม่ที่สูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติดขณะตั้งครรภ์ ที่อาจส่งผลต่อหัวใจและอวัยวะต่างๆ ของเด็กในครรภ์ได้
นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย
ทั้งนี้ หากผู้ปกครองสังเกตว่าทารกดูดนมแม่แล้วเหนื่อยหอบ ตัวเขียว น้ำหนักตัวน้อยเกินไป หรือหายใจไม่ทัน มีโอกาสเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดได้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ โดยการวินิจฉัยโรคจะแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ กรณีที่เด็กยังอยู่ในครรภ์ และคุณแม่อยากตรวจสอบความเสี่ยงของลูก แพทย์จะทำอัลตราซาวนด์หัวใจควบคู่ไปกับการดูว่าน้ำหนักตัวเด็กสัมพันธ์กับอายุหรือไม่ ส่วนกรณีที่เด็กออกมาแล้วแพทย์จะตรวจคลื่นหัวใจ (Echocardiogram) และเอกซเรย์ปอด หรือใช้การ CT Scan หรือ MRI เพื่อตรวจสอบการทํางานของหัวใจเพิ่มเติม นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย อธิบายถึงการรักษาว่า “โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดสามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งตรวจพบไวก็รักษาหายเร็ว ในบางรายอาจไม่มีอาการอันตรายและหายได้เองเมื่อทารกโตขึ้น ส่วนบางคนอาจต้องใช้ยารักษา แต่ถ้าในกรณีที่เด็กมีภาวะเขียวส่วนใหญ่ต้องรักษาด้วยการสวนหัวใจหรือผ่าตัดเพื่อปิดรูรั่วหัวใจ ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์สามารถใช้อุปกรณ์สวนเข้าไปปิดรูรั่วได้เลยไม่จําเป็นต้องเปิดอกเพื่อทำการผ่าตัดใหญ่”
อย่างไรก็ตาม โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเด็กอย่างมาก ผู้ปกครองจึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพของเด็กๆ อยู่เสมอ เมื่อพบอาการผิดปกติจะได้พาไปพบแพทย์ทันที ถ้าพบว่าลูกของเราเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ก็ไม่อยากให้กังวลมากเกินไป เพราะบางครั้งสามารถรักษาให้หายได้ ทั้งนี้ สามารถขอรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลวิมุตได้ที่ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ชั้น 6 หรือโทร.02-0790042เวลา 08.00-17.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicineปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี