AI หรือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเลียนแบบการทำงานของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การวางแผน และการแก้ไขปัญหา โดย AI ได้ถูกนำมาใช้ในธุรกิจหลายด้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน ตัวอย่างการใช้งาน AI ในธุรกิจ เช่น
l การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) :AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
l การจัดการทรัพยากรบุคคล AIช่วยคัดกรองใบสมัครงานและแนะนำผู้สมัครที่เหมาะสม ทำให้กระบวนการสรรหาบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
l การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ AI ช่วยตรวจจับและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ข้อมูลของธุรกิจปลอดภัยมากขึ้น
l การผลิต AI ช่วยในการควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิต เช่น การใช้หุ่นยนต์ในสายการผลิตเพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาด
l การตลาด (Marketing) AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น เช่น การใช้แชทบอทตอบคำถามลูกค้าและการแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคล การนำมาใช้ปกป้องแบรนด์ เป็นต้น
การนำ AI มาใช้ในธุรกิจไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นและสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจุบันสถานการณ์ธุรกิจเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กว่าจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ต้องใช้เวลา และลงทุนไปมากมาย ในการดำเนินธุรกิจในยุคนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤตขึ้นได้ ทั้งนี้คงไม่มีใครอยากให้แบรนด์ที่สร้างมาต้องพังลงเพราะอิทธิพลแง่ลบของผู้บริโภคใน Social Media แต่จะปกป้องแบรนด์ได้อย่างไร ข้อมูลจาก อุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล Co-Founder และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เรียลสมาร์ท จำกัด ผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Management)ด้วย Data Tech และโซลูชั่น AI ชั้นนำ เปิดเผยว่า ในสถานการณ์นี้ “การปกป้องแบรนด์” (Brand Protection) ควรเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในโลกดิจิทัลที่การโจมตีทางข้อมูลและโซเชียลมีเดีย สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การนำเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาใช้ในการจัดการวิกฤตจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรสามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ และรักษาความเชื่อมั่นจากลูกค้าไว้ได้ วันนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า AI จะมาเป็นผู้ช่วยในการปกป้องแบรนด์ของเราได้อย่างไร
AI ปกป้องแบรนด์ได้อย่างไร?
AI ได้กลายเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังของนักการตลาด โดยเฉพาะในด้านการเฝ้าระวังและตอบสนองต่อวิกฤตในโลกออนไลน์ ในการตรวจจับการพูดถึงแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย AI ทำงานร่วมกับเครื่องมือ Social Listening เพื่อตรวจจับการวิจารณ์เชิงลบหรือการโจมตีจากคู่แข่งได้อย่างรวดเร็ว การคาดการณ์ล่วงหน้าและการตอบสนองทันท่วงทีจึงช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามไปสู่การเสียหายที่ใหญ่กว่า ดังนั้น การใช้ Data Technology อย่าง Social Listening Tools ผสานกับ AI ไม่เพียงแต่บอกคุณว่าแบรนด์ถูกพูดถึงอย่างไร แต่ยังสามารถคาดการณ์ความเสี่ยงและแนะนำให้เตรียมพร้อมรับมือได้ทันเวลา
ถอดรหัส 4 เทคนิค นำ AI มาช่วยตั้งรับเชิงรุกจัดการวิกฤตอย่างมืออาชีพ
1.ผสานพลัง Social Listening Tools และ AI เฝ้าระวังแบรนด์แบบเรียลไทม์
AI สามารถทำงานร่วมกับ Social Listening Tools เพื่อเฝ้าระวังการพูดถึงแบรนด์แบบเรียลไทม์ ทำให้นักการตลาดรับรู้ถึงปัญหาได้ทันที เมื่อมีการพูดถึงแบรนด์ในเชิงลบหรือมีการโจมตีจากคู่แข่ง Social Listening Tools จะช่วยแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้ทราบและ AI สามารถวิเคราะห์ แนะนำการจัดการปัญหาได้ก่อนที่จะลุกลามต่อไป
2.AI ผู้ช่วยคาดการณ์และวิเคราะห์ความเสี่ยงล่วงหน้า
AI มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้สามารถคาดการณ์ถึงวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า นักการตลาดจึงสามารถเตรียมความพร้อมและวางแผนรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที AI ไม่ได้ถูกนำมาใช้แค่การปกป้องแบรนด์จากวิกฤตในระดับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการจัดการวิกฤตระดับโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 AI ช่วยวิเคราะห์และติดตามการแพร่กระจายของไวรัส รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนด้วยการวิเคราะห์ Big Data หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Google Flood Hub ซึ่งใช้ AI ในการคาดการณ์น้ำท่วมล่วงหน้า 7 วัน ทำให้สามารถเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.AI ใช้ตอบสนองต่อทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในการเผชิญกับปัญหาหรือคำวิจารณ์จากลูกค้า AI สามารถทำหน้าที่เป็น Chat Bot ตอบสนองต่อความคิดเห็นหรือรับข้อร้องเรียนของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยสร้างความพึงพอใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าแบรนด์ให้ความสำคัญอย่างแท้จริง การตอบสนองทันทีด้วย AI ไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า แต่ยังช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)ที่มั่นคงและยืนยาวได้
4.ผนึกพลังความสำเร็จ ด้วย AI และ ความเชี่ยวชาญของมนุษย์
แม้ว่า AI จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลและคาดการณ์แต่การผสานความเชี่ยวชาญของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อน การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ของ AI และการใช้วิจารณญาณของมนุษย์จะช่วยให้การจัดการวิกฤตเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้ AI ในการปกป้องแบรนด์และจัดการวิกฤตไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจรอดพ้นจากการโจมตีหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมเชื่อว่า ความร่วมมือระหว่าง AI และมนุษย์จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์และธุรกิจรอดพ้นจากวิกฤตและเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
เพื่อเสริมกลยุทธ์ในการปกป้องแบรนด์ของคุณและสร้างความไว้วางใจในระยะยาวอย่างยั่งยืน ผู้สนใจเรื่องการใช้ AI ช่วยปกป้องแบรนด์ได้อย่างไร สามารถเข้าร่วมสัมมนา “The Art of Brand Protection: ศิลปะป้องกันแบรนด์” จัดโดย ธนาคารไทยพาณิชย์ (จำกัด) มหาชน ร่วมกับ บจ.เรียลสมาร์ท ในวันที่ 26 กันยายน 2567 เวลา 13.00-17.00 น. ณ SCB Academy ตึก East ธนาคารไทยพาณิชย์ (สำนักงานใหญ่) รายละเอียดดูได้ที่ https://www.facebook.com/realsmart.co.th/
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี