ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 พบว่า มีการแพร่กระจายของข่าวปลอม ถูกแชร์ไปในวงกว้างกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันการไหลผ่านของข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และยากต่อการควบคุม ข่าวสารถูกผลิตและข้อมูลถูกนำเสนอโดยบุคคลใดก็ได้อย่างอิสระที่สามารถเข้าถึงช่องทางออนไลน์ จึงทำให้ข่าวสารกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบในหลายมิติตามมา โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับโรคและวัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 นำไปสู่การสร้างความเชื่อที่ผิด ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข การเสียโอกาสในการรับการรักษาและป้องกันอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในประชาชนกลุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้จากรายงานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 รายสัปดาห์ ยังคงพบจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วง คือ กลุ่มเสี่ยง 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุป่วยหนักเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน และถึงแม้ว่าภาระโรคในปัจจุบันยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบการรักษาพยาบาล แต่ด้วยสถานการณ์ของโรคที่ไม่แน่นอนจากวิวัฒนาการของเชื้อไวรัส จึงส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่ม 608 และยังพบว่าผลกระทบจากโรคโควิด-19 มีความรุนแรงกว่าโรคไข้หวัดใหญ่
โดยกลุ่มตัวแทนชมรมกลุ่มโรคเรื้อรัง และประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้เล็งเห็นความสำคัญ และความเร่งด่วน ในเรื่องการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทั้งต่อการรับรู้ข่าวสุขภาพ และการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 จึงได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้พิจารณาข้อเรียกร้องสำคัญ ได้แก่
1.เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนให้ความรู้เรื่องโรคโควิด-19 กับสังคมอย่างถูกต้อง โดยการจัดการและกระจายความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สื่อออนไลน์ทางการ และโซเชียลมีเดีย ซึ่งต้องมีการตรวจสอบและอ้างอิงจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้
2.เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนช่องทางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข หรือแพลตฟอร์มและประกาศข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
โรคโควิด-19 ที่มีการจัดการโดยภาครัฐ หรือสภาวิชาชีพการแพทย์
3.เสนอให้ภาครัฐให้ความสำคัญในการเพิ่มสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยวัคซีนในกลุ่มเปราะบาง 608 อาทิ ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน โดยให้กับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ และไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมานานเกิน 3 เดือนเป็นไปตามคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทยเป็นต้น
ตัวแทนประชาชนในกลุ่มเสี่ยง นางสาวไอรีล ไตรสารศรี ผู้ก่อตั้ง อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บาย ไอรีล กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 นับเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยากลำบากของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอกว่าคนปกติและมีความเสี่ยงในการติดเชื้อแทรกซ้อนต่างๆ รวมถึงเชื้อโควิด-19 โดยส่วนมากพบกับปัญหาถูกเลื่อนการผ่าตัด หรือแพทย์ทำการเปลี่ยนแผนการรักษา รวมถึงการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งสิ่งที่อยากให้กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา คือ อยากให้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งจัดระบบการให้บริการทางการแพทย์ หรือวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เพียงพอต่อความต้องการและเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ให้ครอบคลุมในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง กลุ่มเสี่ยง และในกลุ่ม 608 รวมถึงการสื่อสาร ให้ความรู้ในเรื่องของโรคโควิด-19 อย่างถูกต้อง ชัดเจน ในหลายๆ ช่องทาง เพื่อให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด”
ด้าน นางศุภลักษณ์ จตุเทวประสิทธิ์ ประธานชมรมเบาหวาน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เผยว่า “ผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงระดับต้นๆ ของภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 จะทำให้ผู้ป่วยมีไข้เฉียบพลัน เกิดภาวะขาดน้ำ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีอัตราการเสียชีวิตที่มากขึ้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 และควรทราบวิธีการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ถูกต้อง แต่ด้วยปัจจุบันมีช่องทางมากมายให้เราได้สื่อสาร ข้อมูลมีมากขึ้นไหลผ่านกันรวดเร็ว ทั้งที่เป็นประโยชน์ และยังมีเนื้อหาที่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว เนื้อหาที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด ข้อมูลไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะข่าว หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งหากไม่ถูกต้อง อาจส่งผลเสียต่อการรักษา และชีวิตของผู้ป่วยได้ สำหรับข้อเสนอที่อยากให้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญ คือ การจัดการนำเสนอข่าวสารอย่างมีระบบ มีหน่วยงานที่น่าเชื่อถือเป็นผู้กระจายข่าว เพื่อความถูกต้อง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี