นักท่องเที่ยวที่มาเยือน Salzburg และมีเวลามาก นอกจากจะเข้า Residenz และห้องภาพแล้ว บริเวณใกล้กันยังมี Salzburg Cathedral หรือมหาวิหาร Salzburg ที่น่าสนใจให้เยือนด้วย มหาวิหารที่ตกแต่งตามแนวทางศิลปะแบบบาโรคนี้มีประวัติย้อนไปถึงปี 774 เพื่ออุทิศให้กับ St.Rupertและ St.Vergilius ผู้ก่อตั้งคนแรก คือSt.Rupert ได้ดำริให้มีการก่อสร้างมหาวิหารบนพื้นที่เมืองเก่าของโรม ต่อมา St.Vergiliusof Salzburg ได้ทำการสร้างโดมเพิ่มขึ้น เมื่อArchbishop Arno ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งที่นี่ก็ได้ทำการปรับโฉมโดมใหม่แม้จะสร้างได้ไม่ถึง 70 ปีก็ตาม เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นในปี 842 เมื่ออยู่ๆ เกิดฟ้าผ่าจนทำให้โดมเสียหาย มหาวิหารจึงต้องสร้างโดมขึ้นใหม่อีก เมื่อ Archbishop Hartwig ได้มาพำนัก พระองค์ก็ได้ขยายส่วนห้องใต้ดินและแท่นสำหรับนักร้องเสียงประสาน ปี 1106 Archbishop Konrad ก็เพิ่มเติมส่วนหอคอย
Salzburg_Cathedral
นับจากนั้นมา มหาวิหารก็หยุดปรับปรุงจวบจนปี 1598 มหาวิหารได้ทรุดโทรมลงมากและไม่สามารถซ่อมแซมได้ Prince Bishop Wolf Dietrich Raitenau จึงได้สั่งให้ทำลายลงเสียและทำการสร้างใหม่ทั้งหมดด้วยสถาปัตยกรรมแบบ ItalianBaroque อันเป็นที่นิยมในสมัยนั้น และพระองค์ก็ยังเป็นผู้อุปถัมภ์ในการสร้าง Alte Residenz หรือพระราชวังข้างๆ ที่ภายหลังเชื่อมต่อกันกับมหาวิหารด้วย แม้พระองค์จะมีรับสั่งให้ VincenzoScamozzi สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยนออกแบบมหาวิหารใหม่ แต่กว่าจะลงมือสร้างได้ก็รอจนถึงสมัย Markus Sittich von Hohenems ในปี 1614 ซึ่งพระองค์ได้เปลี่ยนสถาปนิกอีกคน คือ Santino Solari มาปรับปรุงแบบ และสร้างเสร็จในปี 1628 มหาวิหารที่สร้างเสร็จใหม่นี้มีขนาดความยาวมากถึง 142 เมตร และส่วนโดมสูงถึง 33 เมตร โชคร้ายมาเยือนอีกในปี 1944 อันเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมหาวิหารถูกระเบิดเพียงแค่ลูกเดียวตรงตำแหน่งโดมแต่ก็สร้างความเสียหายอย่างยับเยิน หลังสงครามการซ่อมแซมเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่จะสำเร็จก็ปาเข้าไปปี 1959
ส่วน Domplatz ที่อยู่ด้านหน้าของมหาวิหารนั้นมีเสาหินอ่อนหุ้มเหล็ก Maria Immaculata ที่ Archbishop Sigismund von Schrattenbach มอบหมายให้พี่น้อง Wolfgang Baptist Hagenauer และ Johann Baptist Hagenauer สร้างในปี 1766 โดยมีต้นแบบมาจากเสาที่กรุงเวียนนา และเมืองมิวนิค ภาพ Maria Immaculata ซึ่งก็คือภาพพระแม่มารีนั่งบนบัลลังก์เมฆถือลูกโลกที่สร้างจากหินอ่อนเมือง Unterberg นี้ ถูกล้อมรอบด้วยรูปปั้นอีก 4 รูป อันเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า ปีศาจปัญญา และคริสตจักร ความหมายอย่างละเอียดของกลุ่มบุคคลดังกล่าวก็คือ เหล่าเทวดามีความยินดี ปีศาจผู้อิจฉาคำราม ภูมิปัญญาของมนุษย์หายไป และโบสถ์แห่งชัยชนะก็ชื่นชมยินดี ตัวอาคารของมหาวิหารทำจากหินสีเทา และตกแต่งหน้าบรรณด้วยหินอ่อนจาก Unterberg ตรงทางเข้าใหญ่มีรูปปั้นของผู้ก่อตั้งมหาวิหารทั้ง 4 คนนั่นคือ St.Rupert, St.virgilius โดย Barthololmaus vanOpstal และ St.Peter ที่ถือกุญแจ และ St.Paul ที่ถือดาบโดย Bernhard Michael Mandlไม่เพียงนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้มีโอกาสชื่นชมความอลังการตามแบบอย่างของศิลปะบาโรคแล้ว ที่นี่ยังมีของแปลกก็คือ ที่หอคอยด้านเหนือเป็นที่ตั้งของเครื่องอบขนมปังที่เคยใช้หล่อเลี้ยงชุมชนมาก่อนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี