สุขภาพที่ดีของเด็กไม่ได้มาจากการปกป้องโรคเท่านั้น แต่ยังมาจากโภชนาการที่เหมาะสมซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาร่างกายและจิตใจ โภชนาการที่ดีเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เพราะสุขภาพของเด็กมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพวกเขา หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของเด็กคืออาหารที่ได้รับ การให้อาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเด็กเป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้ปกครองควรใส่ใจในการเลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและหลากหลายให้เด็กได้รับ เพื่อให้เด็กเติบโตแข็งแรงและมีสุขภาพดีตลอดไป
การแพ้อาหารเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนแต่เด็กเป็นกลุ่มที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะการแพ้อาหารอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของเด็ก ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ผื่นแดง คัน ลมพิษ หน้าบวม ปากบวมและในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก นายแพทย์สุรวัช หอมวิเศษกุมารแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy) คือภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อส่วนประกอบในอาหารทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ผื่นลมพิษ หน้าบวมปากบวม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อาเจียน ถ่ายเหลว และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งอาหารที่มักเป็นสาเหตุการแพ้อาหาร ได้แก่ นม ไข่ แป้งสาลี ถั่วเหลือง ถั่วลิสง สัตว์น้ำ เช่น ปลา กุ้ง ปู หอย หมึก ถั่วเปลือกแข็ง เช่น มะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ วอลนัท แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ
ภูมิแพ้อาหาร เกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่
1. ภูมิแพ้อาหาร ชนิดเฉียบพลัน (IgE mediated food allergy) อาการจะเกิดอย่างรวดเร็วภายใน 2-4 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหาร โดยจะมีอาการหลักคือ ผื่นลมพิษ หน้าบวมปากบวม ปวดท้อง อาเจียน ในบางกรณีอาจเกิดอาการรุนแรง (Anaphylaxis) อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้ามืด และหมดสติ
2.ภูมิแพ้อาหาร ชนิดไม่เฉียบพลัน (non-IgE mediated food allergy) อาการจะเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหรือหลายวันหลังจากรับประทานอาหาร อาการจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เช่น ผื่นแดงเรื้อรัง คัน ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียนรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
ปัจจุบันสาเหตุของภูมิแพ้ทางอาหารยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น
l พันธุกรรม : เด็กที่มีพ่อแม่หรือสมาชิกในครอบครัวเป็นภูมิแพ้ มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้อาหารมากขึ้น
l ผื่นผิวหนังอักเสบในเด็ก : เด็กที่มีปัญหาผิว เช่น ผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้อาหาร
l การงดอาหารที่มากเกินไป : การงดอาหารบางชนิด หรือเริ่มกินอาหารเสริมช้าเกินไปในวัยเด็ก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้อาหารเช่นกัน
การวินิจฉัยทำได้โดยการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด แพทย์อาจใช้การเจาะเลือด เพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ (specific IgE)ซึ่งสามารถตรวจได้ทั้งสารก่อภูมิแพ้จากอาหาร และจากทางอากาศ โดยไม่ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนเจาะเลือด และสามารถทราบผลได้ภายในวันเดียว นอกจากนั้น ยังมีการตรวจยืนยันการแพ้อาหารด้วยวิธีการรับประทานอาหารที่สงสัย (oral food challenge) ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด แต่ต้องทำภายใต้การดูแลของ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้
ในปัจจุบัน การรักษาภูมิแพ้อาหารไม่ได้จำกัดเพียงการหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้เท่านั้น แต่ยังมีการรักษาด้วยวิธีการรับประทานอาหารที่แพ้ (oral immunotherapy) โดยแพทย์จะให้รับประทานอาหารที่แพ้ ในระดับที่ปลอดภัย และค่อยๆ เพิ่มปริมาณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจใช้เวลารักษา 3-5 ปี วิธีนี้ต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้ และโรงพยาบาลที่มีศักยภาพเพียงพอ เพื่อการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อดีของวิธีนี้คือ ช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแพ้จากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน ทำให้ไม่ต้องเลี่ยงอาหารที่แพ้ตลอดไป และอาจหายขาดจากการแพ้อาหารได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับการรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีระดับการแพ้อาหารสูง และมีโอกาสหายได้เองยาก รวมถึงผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารรุนแรง
เมื่อก่อนเราเคยมีความเชื่อว่าหากแพ้อาหารชนิดไหนก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นไปตลอด เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางหาย แต่ในปัจจุบันเราเชื่อว่า ยิ่งเลี่ยงอาหารที่แพ้ยิ่งไม่หาย แต่ถ้าเรากินอาหารที่แพ้ในปริมาณที่ปลอดภัย สุดท้ายร่างกายจะกินอาหารที่แพ้ได้เพิ่มขึ้น หรืออาจหายขาดจากอาการแพ้อาหารได้
ทั้งนี้ หากสงสัยว่าตัวเอง หรือบุตรหลานมีอาการแพ้อาหาร ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการประเมิน และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด
โรคมะเร็งในเด็กพบได้ในเด็กทุกวัยตั้งแต่แรกเกิด โดยเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันเป็นโรคที่พบมากที่สุด ข้อมูลจาก ศาสตราจารย์นายแพทย์สุรเดช หงส์อิงเลขาธิการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีกรมหมื่นสุทธนารีนาถ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงรับกองทุนโรคมะเร็งในเด็กไว้ในพระอุปถัมภ์ จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า20 ปีแล้ว ที่ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศในโรงพยาบาลกว่า 20 แห่งรูปแบบในการให้ความช่วยเหลือคือ ช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษา รวมทั้งค่ายา ค่าเดินทางมาตรวจรักษา ค่าที่พัก เวชภัณฑ์ต่างๆ ด้วย สามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ” SCB สาขาอ่อนนุช เลขที่บัญชี 133-2-08742-3 โทร. 02-7183800 ต่อ 123 ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้ รายละเอียดที่ http://www.thaichildrencancerfund.org/
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี