“คนเสื้อแดง” หรือกลุ่มมวลชนผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่หลังการรัฐประหารรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2549 ในยุคแรกๆ ยังใช้ชื่อ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และยังไม่ได้ใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ กระทั่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคลื่อนไหวแบบ “การเมืองนอกสภา” อย่างการชุมนุมใหญ่2 ครั้ง ในปี 2552 และปี 2553 ซึ่งในครั้งหลังนี้ได้ลุกลามกลายเป็นเหตุจลาจล มีความรุนแรง และมีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เมื่อวันเวลาผ่านไป บรรดาแกนนำตลอดจนมวลชนคนเสื้อแดงได้แยกย้ายไปอยู่กับขั้วการเมืองที่หลากหลายมีทั้ง “ทีมลุงตู่” สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ยึดอำนาจรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย อันเป็นพรรคการเมืองรุ่นที่ 3 ที่สืบต่อมาจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ในปี 2557, “ทีมพรรคส้ม”สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และปัจจุบันคือพรรคประชาชน หรือบ้างก็เคลื่อนไหวอิสระไม่อิงกับขั้วการเมืองใดๆ เป็นพิเศษ รวมถึงก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทย
เรื่องของคนเสื้อแดงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน แต่งตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในอดีตแกนนำคนเสื้อแดง เป็น “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ซึ่งก็นำมาทั้ง “เสียงก่นด่า” เกิดปรากฏการณ์ “ทัวร์ลง” บนโลกออนไลน์ ที่สังเกตได้ชัดว่ามาจาก “ด้อมส้ม” หรือมวลชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่-พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน โจมตีนายณัฐวุฒิว่า“ตระบัดสัตย์” เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวแสดงท่าที “เว้นระยะห่าง”จากพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการไปจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
และยังมี “คำถาม” ด้วยว่าการตั้งนายณัฐวุฒิ เพื่อต้องการให้ช่วยต่อสู้กับ จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ซึ่งก็เคยเป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงหรือไม่? เพราะต้องยอมรับว่า ในช่วงที่กลุ่ม นปช. เคลื่อนไหวเป็นกระแสถึงขีดสุด คู่หู “ตู่-เต้น” ที่เรียกตามเชื่อเล่นของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ตามลำดับ มีบทบาทโดดเด่นที่สุดในการปราศรัยทั้งบนเวทีม็อบและการพูดผ่านสื่อต่างๆ ดังนั้นในเมื่อปัจจุบันที่นายจตุพร ออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์โจมตีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง การตั้งนายณัฐวุฒิมารับมือก็ดูจะสมน้ำสมเนื้อ
รายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในตอนที่เผยแพร่วันที่ 17 ต.ค. 2567 วรชัย เหมะ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และยังเป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงอีกคนหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า คนที่ออกมาโจมตีนายณัฐวุฒิ มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างแรกคือคนบางคนที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ชอบแกนนำบางคนเป็นการส่วนตัว แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย และตนก็ออกมาตอบโต้คนเหล่านี้อยู่ตามที่เห็นเป็นข่าว
ซึ่งเรื่องนี้ก็มีความเห็นเป็น 2 ส่วน คือตนมองว่านายณัฐวุฒิไม่ได้เปลี่ยนแนวคิดหรืออุดมการณ์ และไม่ได้ทรยศประชาชน เพราะการประกาศว่ามี 3 ป. จะไม่ร่วมด้วย เป็นเรื่องกลยุทธ์ที่ผูกพันที่หาเสียงไว้ก็ตาม แต่สถานการณ์ของการเมืองไม่มีอะไรที่กำหนดตายตัวได้ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้เลย เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ต้องยอมรับว่าทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมการเลือกตั้ง ดังนั้นก็ต้องยอมรับรัฐธรรมนูญ
จึงมีคำถามว่า ในเมื่อบอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการแล้วมาลงเลือกตั้งทำไม นี่คือประการแรก แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคเพื่อไทยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)140 คน พรรคก้าวไกลได้ 140 กว่า พรรคอื่นๆ ได้ลดหลั่นกันไป เมื่อความคิดของประชาชนออกมาเป็นผลการเลือกตั้งแบบนี้ เราเคารพเสียงของประชาชน ดังนั้นคนที่พูดไว้ตอนหาเสียงวันนั้น และต่อมากับสถานการณ์ที่ประชาชนเลือก เราก็ทำตามมติเสียงของประชาชน
“ต้องแยก 2 ส่วน สถานการณ์กับหลักการ หลักการก็คือพรรคก้าวไกลจะต้องมีสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาล ทุกพรรคการเมืองก็ให้สิทธิ์พรรคก้าวไกล แต่พรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาล 2 รอบไม่สำเร็จ ต่อมาก็คือพรรคเพื่อไทยลำดับ 2 ก็ตั้งรัฐบาล ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว คำว่าขั้วผมมองว่ามันเป็นวาทกรรมของนักการเมืองที่เอาไปใส่ร้ายทิ่มแทงกันมากกว่า มันไม่มีขั้ว มีพรรคการเมือง แล้วพรรคการเมืองแต่ละพรรคก็มีอุดมการณ์ แต่ละคนแต่ละพรรคก็หาเสียงกันไป แล้วก็ได้คะแนนจากพี่น้องประชาชนมาอย่างที่เป็น” นายวรชัย กล่าว
นายวรชัย กล่าวต่อไปว่า การที่พรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ เพราะการต่อสู้ทางการเมืองต้องดูสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย ไม่ใช่คิดเอาเอง ส่วนที่ไปพูดกันว่าพรรคเพื่อไทยรับใช้เผด็จการ ก็ต้องย้อนถามว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดนายเศรษฐาจึงถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกฯ ส่วน น.ส.แพทองธาร นายกฯ คนปัจจุบันก็มาจากการเลือกตั้ง เป็นลูกของนายทักษิณ มีประสบการณ์ทุกด้าน
ในขณะที่กรณีของนายณัฐวุฒิ เมื่อสถานการณ์มาถึงเวลานี้ ก็เห็นชัดว่าแมลงพืชเยอะ กัดกร่อนรัฐบาล ออกมาด่าทิ่มแทงร้องเรียน ทำลายเครดิตของรัฐบาลอยู่ทุกวัน ทั้งด้วยความแค้นบ้าง ผลประโยชน์ส่วนตัวบ้าง ผลประโยชน์ทางการเมืองบ้าง ซึ่งแม้ น.ส.แพทองธาร จะไม่เคยเป็น สส. และประสบการณ์ก็ไม่เท่ากับนายณัฐวุฒิ แต่ น.ส.แพทองธารก็เป็นลูกนักการเมือง ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ และมีประสบการณ์ในการพบปะดูแลประชาชน ดังนั้นจำเป็นที่นายณัฐวุฒิ จะต้องเดินเข้ามาเพื่ออธิบายความ ให้คำปรึกษาเรื่องความถูกต้อง ความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร
เพราะต้องยอมรับว่า ภายในพรรคเพื่อไทย เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานที่เข้ามาอยู่ในวงแวดล้อมของ น.ส.แพทองธาร อาจไม่เข้าใจบริบททางการเมืองที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร เขาสู้กันมาอย่างไร เขาพูดมาแบบนี้แล้วควรจะแก้อย่างไร นายกฯ ควรกำหนดท่วงทำนองในการทำงาน ในการขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างไร จึงต้องมีบริบทของคนที่มีความรู้ความสามารถ และมีจุดยืนอย่างนายณัฐวุฒิเข้ามา
“คุณณัฐวุฒิผมมองว่าเขาก็เห็นคุณแพทองธารมาแล้วสถานการณ์ทางการเมือง ถ้าปล่อยให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งคุณณัฐวุฒิมีส่วนได้-เสียนะ เพราะคุณณัฐวุฒิไปหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชน บอกให้เลือกพรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยทุกที่ เพราะฉะนั้นคุณณัฐวุฒิผมว่าเขาก็เสียสละ ยอมบางส่วนโดนด่าบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แฟนคลับเพื่อไทยเขาก็เชียร์ แฟนคลับก้าวไกลเขาก็ด่า แกนนำเพื่อไทยที่ไปอยู่ก้าวไกลเขาก็ด่า ก็เป็นเรื่องปกติ” นายวรชัย ระบุ
นายวรชัย ยังกล่าวอีกว่า คนเสื้อแดงจริงๆ ที่เขายังต่อสู้อยู่กับเพื่อไทย หรือคนเสื้อแดงกลางๆ ที่รักประชาธิปไตย เขาเห็นความสำคัญของสถานการณ์ ณ เวลานี้ ว่านายณัฐวุฒิควรเข้ามาช่วย และ น.ส.แพทองธาร ก็เคยคุยกับนายณัฐวุฒิ ว่าจะให้มาช่วยอย่างไรก็ได้ แต่นายณัฐวุฒิ บอกว่าขอช่วยอย่างออกหน้าออกตาไปเลยแบบลูกผู้ชาย ใครจะด่าจะว่านายณัฐวุฒิก็ต้องยอมรับ แต่เรื่องไหนให้มวลชนบางคนด่า หรือเรื่องไหนเป็นผลประโยชน์ของประเทศ การที่มาช่วยรัฐบาล มาเป็นที่ปรึกษาให้นายกฯ ตนมองเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยมากกว่า
เพราะการต่อสู้ทางการเมือง หากแพ้รัฐบาลก็พังแน่นอน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งนายณัฐวุฒิ ก็เพื่อให้มาช่วยต่อสู้กับนายจตุพร ตนเห็นว่ามองแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ตนไม่ได้มองไปที่นายจตุพร เพราะไม่ว่าฝ่ายแค้น ฝ่ายค้าน หรือพวกไม่หวังดีต่างๆ ที่ออกมาโจมตีใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง นายณัฐวุฒิจะได้อธิบายให้ประชาชนที่นั่งมองอยู่ทั่วประเทศ ว่าฝั่งไหนอธิบายได้มีเหตุมีผลถูกต้อง และฝั่งไหนเอาแต่ด่า เอาแต่ว่า เอาแต่แค้น ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
ซึ่งการตัดสินไม่ใช่โดยแกนนำ นปช. หรือมวลชนอย่างเดียว แต่ต้องเป็นประชาชนทั้งประเทศ ว่ารัฐบาลมีเหตุผลอย่างไรจึงทำอย่างนี้ และสำหรับตัวของนายณัฐวุฒิ จากที่ใกล้ชิดและต่อสู้ร่วมกันมา ยืนยันได้ว่าไม่มีทางที่คนคนนี้จะทรยศต่อตนเอง ต่อประชาชน และต่อประเทศชาติ ส่วนนายจตุพร ก็เห็นออกมาถล่มพรรคเพื่อไทยแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วแต่พรรคเพื่อไทยก็ยังได้ สส. 140 คน ที่แพ้พรรคก้าวไกลก็เพียงประโยคเล็กๆ ของฝั่งนั้นอย่างมีเราไม่มีลุง และนี่คือตัวอย่างว่าทำไมต้องให้นายณัฐวุฒิเข้ามาช่วย เพราะจุดเล็กๆ บางครั้งก็ทำให้รัฐบาลเสียหายเสียคะแนนได้
เมื่อถามต่อไปถึง “ศักยภาพของกลุ่มคนเสื้อแดงว่ายังมีอยู่หรือไม่?” เพราะระยะหลังๆ ถูกมองว่าหันไปสวมเสื้อสีส้มกันหมดแล้ว นายวรชัย ยืนยันว่าเรื่องกลายเป็นเสื้อส้มไปหมดนั้นไม่จริง แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาสิบกว่าปีก็มีทั้งคนที่เสียชีวิตไปแล้ว คนที่ร่างกายแก่ชราลงส่วนคนที่สุขภาพยังไหวก็มีทั้งที่ยังต่อสู้ร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่ในส่วนที่ย้ายไปอยู่กับพรรคสีส้ม ก็ต้องยอมรับว่าความคิดหรืออุดมการณ์ของเขาไปไกล
ทั้งนี้ ความแตกต่างกันระหว่างเสื้อแดงกับเสื้อส้ม คือ “มุมมองเกี่ยวกับประชาธิปไตยสำหรับกลุ่มเสื้อแดง แม้ยึดถือหลักอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน แต่การจะทำให้หลักนี้เกิดขึ้นได้จริงไม่อาจคาดหวังให้สำเร็จได้ในครั้งเดียว เปรียบเหมือนการเดินทางไกลหรือการเดินขึ้นภูเขาซึ่งต้องไปทีละขั้น” ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าประชาธิปไตยคืออะไร ระบบมีอยู่แล้วแต่จะอยู่กันอย่างไรให้ประสานผลประโยชน์ของคนทุกกลุ่ม-ทุกชนชั้นได้ ไม่ใช่เอารัดเอาเปรียบกันเกิดช่องว่างต่างๆ ระหว่างคนรวยหรือผู้มีอำนาจกับประชาชน
และแม้จะเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตนก็ยังให้ความเห็นท้วงติง อย่างที่เคยเห็นเป็นไปข่าวไปแล้วที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายกฯ เศรษฐา เพราะในเวลานั้นความเชื่อมั่นยังไม่ค่อยดีนัก ตนต้องการให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่ในขณะนี้ตนมองเห็นความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา เช่น หุ้นขึ้น อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาเศรษฐกิจลำพังเพียงระดับครอบครัวก็ยังไม่ง่าย ดังนั้นเมื่อเป็นระดับประเทศก็ต้องใช้เวลา
อาทิ การแจกเงิน 1 หมื่นบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามด้วยการลดราคาสินค้า ลดรายจ่ายให้ประชาชน เหล่านื้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะถูกล้มได้จากปัจจัยทางการเมือง คือคนทั้งประเทศเห็นเป็นมติว่าไม่เอาแล้ว มีแต่การคอร์รัปชั่น แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันเพิ่งทำงานได้เดือนกว่าๆ
ยังไม่มีปัญหาคอร์รัปชั่น ประกอบกับจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจค่อยๆ ทยอยออกมา รวมถึงมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่าง พิชัย นริพทะพันธุ์ ที่เดินสายทั่วประเทศและทั่วโลกเพื่อทำงานให้ประชาชน แต่ตนมองว่าจุดอ่อนของรัฐบาลคือการประชาสัมพันธ์
ในช่วงท้ายของการสนทนา นายวรชัย ยืนยันอีกครั้งว่า ตนมั่นใจในการทำหน้าที่นายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพราะเป็นลูกของอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งมีทั้งประสบการณ์การทำงานและมีสายสัมพันธ์กับต่างประเทศอยู่มาก ตนเชื่อว่านายทักษิณคงต้องแนะนำทั้งการไปลงทุนต่างประเทศ การนำเงินเข้าประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรนายทักษิณก็ไม่มีทางลอยแพลูกของตนเองแน่นอน ส่วน น.ส.แพทองธาร เข้ามาใหม่ๆ อาจจะตื่นเต้นบ้าง พูดผิดๆ ถูกๆ บ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีความคิดและความรู้
“อาจจะพูดลืมไปบ้าง วกวนไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของคนใหม่ๆ แต่ต้องดูบริบทยาวๆ ไปว่าสถานการณ์ดีขึ้นไหม? เครดิตประเทศไทยดีขึ้นไหม? ผมว่าไม่นาน ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว เข้ามาปุ๊บแจกเงินดิจิทัลแล้ว สำคัญที่สุดคือความเชื่อมั่น ระบบของทุนความเชื่อมั่นสำคัญที่สุด พอคนเชื่อมั่นนักลงทุนก็เริ่มมา 2-3 หมื่นล้าน แต่ละราย ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นลงทุนในภาคสนาม เช่น ตั้งโรงงาน ก็เริ่มมีเริ่มมา”นายวรชัย กล่าวในตอนท้าย
หมายเหตุ : สามารถรับชมรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ดำเนินรายการโดย บุญระดม จิตรดอน ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 11.00-12.00 น. โดยประมาณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี