นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเมืองใหญ่ สงบ สวยงาม ไม่เพียงควรเยือนเวียนนา ซัลซ์บวร์ก และอินชบรุคแล้ว บูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการีก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ต้องไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิตหลายคนอาจรู้สึกว่าขึ้นชื่อว่าฮังการีแล้วไม่น่าปลอดภัย แต่แท้ที่จริงแล้วเมืองนี้ไม่เพียง ปลอดภัยและสะดวกสบาย ยังเดินทางไปถึงได้ไม่ยากด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์จากเวียนนาต่อไปยังบูดาเปสต์ หรือจะนั่งรถไฟจากเวียนนาไปยังบูดาเปสต์ก็ได้ไม่ยากมากเพราะมีรถไฟตรงวันละหลายเที่ยวออกจากสถานีกลางโดยใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงสถานีที่สะดวกสำหรับบูดาเปสต์จะเป็น Keleti ที่แม้มิได้อยู่กลางเมืองนัก แต่ก็สามารถเดินเล่นในเมืองได้ไม่ยาก
บูดาเปสต์เมืองหลวงของฮังการีนี้มีประชากรมากเป็นอันดับ 9 ของสหภาพยุโรปใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และใหญ่เป็นอันดับสองบนแม่น้ำดานูบรองจากเวียนนาเท่านั้น ประวัติของเมืองย้อนไปถึงเมื่อชาวเซลติก เป็นชนชาติแรกที่มาตั้งถิ่นฐานณ ดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งต่อมาถูกครอบครองโดยชาวโรมันในปี 106 บริเวณที่เป็น Obuda ในปัจจุบัน ชาวโรมันได้มาสร้างถนน อ่างอาบน้ำ บ้าน โรงละครขึ้นในนามของ Aquincum ซึ่งกลายเป็น open air museum ในปัจจุบัน ต่อมาชาว Magyar หรือมายา ซึ่งนำโดย Arpad ที่ถูกขับไล่จากบัลแกเรียโดย Tsar Simeon หลังแพ้สงคราม Southern Bud ได้มาตั้งถิ่นฐานที่นี่แทนและแบ่งเมืองเป็น Buda กับ Pest
Buda Castle
หลังจากนั้นอีก 1 ศตวรรษ พวกเขาก็ก่อตั้งประเทศฮังการีขึ้น เมื่อชาว Tatar ได้บุกรุกเมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทำให้ชาวเมืองเห็นว่าพวกเขายากจะแก้ปัญหาการถูกรุกรานหากสร้างเมืองบนที่ราบ พระเจ้า Bela IV แห่งฮังการีจึงสั่งให้สร้างกำแพงเมืองหินรอบเมือง และสร้างพระราชวังบนเขา Buda ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้า MatthiasCorvinus วัฒนธรรมของบูดาก็รุ่งเรืองขึ้นถึงขีดสุดอันเป็นผลมาจากการที่ศิลปะแนวเรอเนสซองส์จากอิตาเลียนได้เผยแผ่มาถึงแม้เมืองจะเติบโตและเจริญรุ่งเรือง แต่ในปี1526 ชาวออตโตมันก็สามารถเข้าครอบครองเมืองได้และปกครองนานถึง 150 ปี พวกเขาได้สร้างอ่างอาบน้ำสำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมเติร์กไว้ให้ การถูกยึดครองโดยเติร์กทำให้ชาวคริสเตียนลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ส่วนทางทิศตะวันตกพวกเขาก็ถูกครอบครองโดยราชวงศ์ Habsburgs แห่งออสเตรีย ปี 1848 ชาวเมืองเริ่มกระด้างกระเดื่องต่อราชวงศ์ Habsburgs พวกเขาใช้เวลารบอยู่ร่วมปีกว่าจึงชนะและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Austria-Hungary ส่งผลให้บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของราชวงศ์ ต่อมาในปี 1849 รัฐบาลตัดสินใจสร้างสะพาน Chain เพื่อเชื่อมระหว่าง Buda และ Pest เข้าด้วยกัน เมื่อ Austria- Hungaryแพ้สงครามในปี 1918 ชาวฮังการีจึงฉวยโอกาสประกาศอิสรภาพและตั้งสาธารณรัฐฮังการีขึ้น ในสัญญาสงบศึกฮังการีต้องเสียแผ่นดินถึง 2/3 และเสียชาวเมืองไปร่วม 2/3 หรือ 3.3 ล้านคน แต่สำหรับพวกเขาแล้วรู้สึกว่าคุ้มค่า
Girl with Her Dog
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุดโลกบูดาเปสต์ถูกกองทัพสหรัฐฯ และอังกฤษถล่มอย่างรุนแรง ชาวเมืองเสียชีวิตไปมากถึง 38,000 คน สะพานทั้งหมดยังถูกชาวเยอรมันทำลายลงด้วย ยิ่งกว่านั้นชาวยิวที่อาศัยในเมืองยังเสียชีวิตไปมากกว่า 250,000 คนหรือกว่า30% หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฮังการีกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต จวบจนปี 1991 แม้ฮังการีจะสะบักสะบอมและไม่ค่อยเติบโตภายใต้อิทธิพลของคอมมิวนิสต์ แต่ปราสาทบูดา และธนาคารริมแม่น้ำดานูบก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1987
นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือนเมืองนี้สามารถเดินเล่นแถว Vaci utca จัตุรัสVorosmarty และริมแม่น้ำดานูบฝั่ง Pest เพื่อชื่นชมกับสถาปัตยกรรมสวยงามฝั่ง Budaอาทิ Buda Castle, Fisherman Bastion นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีงานประติมากรรมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปเล่นอีกหลายชิ้น อาทิ The Little Princess, Girl with Her Dog ผลงานของ David Raffai, Ignac Roskovics ผลงานของ Mihajlo Kolodko ชาวยูเครน และ Shoes on the Danube Bank ผลงานของ Gyula Pauer ซึ่งเพิ่งจะนำมาติดตั้งในวันที่16 เมษายน 2005 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงชาวยิวที่ถูกสังหารในสงครามโลกครั้งที่สอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี