ในปัจจุบันหลายคนต้องเผชิญกับปัญหาปวดหลัง ไม่ว่าจะเป็นจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน การยกของหนัก หรือ แม้กระทั่งการก้มหน้าเล่นมือถือเป็นเวลานาน อาการปวดเหล่านี้ อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่ที่จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดจาก “เซลล์อักเสบ” ซึ่งสามารถทำลายกระดูกสันหลังและเนื้อเยื่อรอบๆ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลให้ถูกวิธี
นพ.ชุมพล คคนานต์
นพ.ชุมพล คคนานต์ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ เผยว่า เซลล์อักเสบ (Cellular Inflammation) คือ กระบวนการที่ร่างกายตอบสนองต่อการบาดเจ็บ การใช้งานมากเกินไป หรือ การติดเชื้อ โดยระบบภูมิคุ้มกันจะส่งสารเคมีอย่างไซโตไคน์ (Cytokines) และพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) มายังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิด อาการบวม แดง และเจ็บปวด กระบวนการนี้ช่วยให้เนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายได้รับการซ่อมแซมและป้องกันการติดเชื้อ หากปล่อยไว้นานจนเรื้อรังจะส่งผลทำให้เนื้อเยื่อเสียหายมากขึ้น เกิดการสะสมของแคลเซียม และทำให้เกิดกระดูกงอก ซึ่งจะนำไปสู่การกดทับเส้นประสาท
พฤติกรรมเสี่ยง “เซลล์อักเสบ” ในกระดูกสันหลัง เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบในกระดูกสันหลัง คือ การนั่ง หรือ ยืนท่าเดิม เป็นเวลานาน การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ การก้มหน้าเล่นมือถือ หรือการยืนในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังเกิดการตึงเครียดและบาดเจ็บซ้ำๆ
การใช้งานกล้ามเนื้อเกินกำลัง : การยกของหนัก หรือการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้รับความเสียหาย
ภาวะข้อกระดูกสันหลังเสื่อม : การเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกและข้อต่อ ทำให้เกิดการเสียดสีของข้อต่อที่กระดูกสันหลัง ซึ่งจะกระตุ้นการอักเสบและอาการปวดเรื้อรัง
การยกของหนัก หรือ การนั่งในท่าเดิมๆ เกิน 2 ชั่วโมง ทำให้กระดูกสันหลังรับน้ำหนักมากเกินไป (Overload) และมีการกดทับ จนเกิดอาการเสื่อมและอักเสบ เนื่องจากกระดูกสันหลังไม่ได้ถูกออกแบบ มาเพื่อรับน้ำหนักส่วนเกิน หากเปรียบเทียบกับนักยกน้ำหนัก จากที่เคยยกได้ 10 กิโลกรัม เปลี่ยนมายก 100 กิโลกรัม ร่างกายจะไม่สามารถรับน้ำหนักส่วนเกินได้ทันที
อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยที่ถูกต้องมีความสำคัญ ต่อการทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดหลัง เช่น การทดสอบทางกายภาพ หรือ การใช้เครื่อง MRI หรือ เอกซเรย์เพื่อดูโครงสร้างของกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก และเนื้อเยื่อรอบๆ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
ปัจจุบันการนำ เทคโนโลยีที่ทันสมัยมารักษาผู้ป่วย ที่มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ เรื้อรัง หรือ ปวดต้นคอท้ายทอย มานาน แพทย์จะแนะนำการผ่าตัดกระดูกสันหลังส่วนคอทางด้านหลัง ด้วยเทคนิค PSCD (Percutaneous Stenoscopic Cervical Decompression) เพื่อการรักษา แต่หากหมอนรองกระดูกส่วนคอ เกิดการปลิ้น อย่างรุนแรงกดไขสันหลัง หรือเสื่อมสภาพ แพทย์จะเลือกใช้เทคนิค Endoscopic ACDF เพื่อการผ่าตัดหมอนรองกระดูกส่วนคอ ด้วยกล้องเอ็นโดสโคปแบบแผลเล็ก เข้าไปในช่องว่างภายในกระดูกคอ นำหมอนรองกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออกมา
ขณะที่ ผู้ป่วยที่มีอาการโพรงเส้นประสาทกระดูกส่วนหลัง ส่วนเอวตีบแคบ หรือหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมา การรักษาด้วยเทคนิค PSLD เป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดการกดทับเส้นประสาท โดยไม่ต้องผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่ เนื่องจากแพทย์จะเจาะรูขนาดเล็กเพียง 0.5 ซม.ที่ผิวหนังบริเวณหลัง แล้วสอดกล้องเอ็นโดสโคปเข้าไปยังจุดที่มีปัญหา และเลือกตัดเฉพาะส่วนที่กดทับเส้นประสาท
การป้องกันและดูแลหลังการรักษา โดยการปรับท่านั่งและท่ายืน ในท่าที่ถูกต้อง โดยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงและพยายามพักเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ออกกำลังกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว (Core Muscles) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ เช่น การว่ายน้ำ หรือ เล่นพิลาทิส (Pilates) นวดและกายภาพบำบัด ใช้การนวดและกายภาพบำบัดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ลดการตึงเครียด และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
อย่างไรก็ตาม ประชากรไทยในปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น และเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ที่เกิดจากกระบวนการเสื่อมถอยในวัยสูงอายุ และเริ่มพบผู้ป่วยในคนอายุน้อย ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังมากขึ้น จากพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้ชีวิต เช่น การนั่งผิดท่า การนั่งนาน หรือ ประสบอุบัติเหตุถูกกระแทกแรงๆ ยกของหนัก หรือการเล่นกีฬาที่หักโหมจนเกินไป ทั้งนี้ จาก ข้อมูลสถิติของโรงพยาบาลเอส สไปน์ พบว่า ได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่เข้ามารักษาโรคกระดูกสันหลังด้วยวิธีการผ่าตัดมากกว่า 10,000 ราย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจะเน้นการรักษาโรคที่ตรงจุด และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
หากมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง ปรึกษา โทร.02-0340808
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี