การเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเป็นประจำถือเป็นวิธีการดูแลสุขภาพที่ดี แต่หลายคนคงไม่รู้ว่าในกลุ่มนักกีฬาที่ดูแข็งแรงบางคนอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Death) ซึ่งเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีและเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาทันที
ผศ.นพ.ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด ชำนาญการด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ กล่าวว่า ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Death) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายถูกขัดขวางอย่างฉับพลัน และหากไม่ได้รับการรักษาโดยด่วน อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่นาที โดยอาการภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันที่ต้องระวัง เช่น เจ็บหน้าอก วิงเวียนศีรษะ หมดสติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือเต้นแรงมากกว่าปกติ หากนักกีฬามีอาการเหล่านี้ ควรรีบมาปรึกษาแพทย์
สาเหตุภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในนักกีฬาสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ อายุน้อยกว่า 35 ปีส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ แต่นักกีฬาเหล่านี้ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายและหัวใจจะมีการปรับตัวจนสามารถทำให้เล่นกีฬาได้อย่างดีหรือเป็นเลิศได้ โดยนักกีฬาไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีความผิดปกติอยู่ แต่เมื่อมีการเล่นกีฬาที่หัวใจต้องทำงานหนัก การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้จึงอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้เวลาร่างกายออกแรงมาก หัวใจจะทำงานมากขึ้น แต่เลือดไม่สามารถมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้เพียงพอก็จะทำให้หัวใจหยุดเต้นได้
การวินิจฉัยภาวะผิดปกติในนักกีฬาถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะการฝึกฝนของนักกีฬา จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหัวใจที่มีลักษณะหลายๆ อย่างคล้ายคลึงกับโรคหัวใจที่ผิดปกติ เช่น นักกีฬาที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีมักจะมีกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายที่หนาขึ้น ซึ่งช่วยทำให้การทำงานของหัวใจแข็งแรงขึ้น แต่ลักษณะดังกล่าวก็พบได้คล้ายกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติเช่นกัน
ดังนั้น การพบแพทย์เพื่อประเมินหัวใจอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการตรวจภาพหัวใจด้วยวิธีพิเศษต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง ซึ่งจะสามารถป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในอนาคตได้
คำแนะนำสำหรับนักกีฬาหรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปที่มีแผนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเภทที่มีความเข้มข้นสูง อย่างเช่น การวิ่งระยะไกลตั้งแต่ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กิโลเมตร) ซึ่งควรต้องมีการตรวจคัดกรองโรคทางหัวใจก่อนเข้าร่วมการแข่งขันหรือเล่นกีฬาดังกล่าว เพื่อป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันกีฬาได้ นอกจากนี้ ผู้จัดการแข่งขันกีฬาต่างๆ ก็ควรมีการเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือนักกีฬาหรือผู้เข้าร่วมการแข่งขันให้ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่มีความรู้ในการช่วยฟื้นคืนชีพ (cardiopulmonary resuscitation หรือ CPR) และจัดหาเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (automated external defibrillators หรือ AEDs) ในพื้นที่การแข่งขันกีฬาด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยในกรณีเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้สูงขึ้นเป็นอย่างมาก
การมีโรคหัวใจ ไม่ได้ถือเป็นข้อห้ามในการออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งการแข่งขันกีฬา คำแนะนำในการออกกำลังกายจะมีความแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับโรคหรือภาวะหัวใจของผู้ป่วยนั้นๆ อย่างไรก็ตาม แม้โรคหัวใจบางชนิดอาจถือเป็นข้อห้ามในการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงหรือการแข่งขันกีฬา แต่การออกกำลังกายแบบความเข้มข้นระดับปานกลางนั้น สามารถทำได้ในผู้ป่วยโรคหัวใจเกือบทุกชนิด ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และทีมผู้ดูแลผู้ป่วย
แม้ว่าการออกกำลังกายจะมีประโยชน์อย่างมากในหลายๆ ด้าน แต่หากต้องการออกกำลังกายแบบที่มีความเข้มข้นสูงหรือแข่งขันกีฬา ควรเข้ารับการตรวจประเมินเพื่อคัดกรองโรคหัวใจอย่างละเอียดโดยอายุรแพทย์โรคหัวใจ เพื่อค้นหาโรคหัวใจที่อาจซ่อนอยู่ และยังสามารถช่วยป้องกันภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันขณะออกกำลังกายได้อีกด้วย
ผศ.นพ.ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี