ดร.ภัครภัสสร์ ลิ้มประนะ, จิรวัฒน์ ศรีเลื่อนสร้อย, อณิตา ตันตสิรินทร์, วรรณชื่น ทองเย็น, วิณ โชคคติวัฒน์, ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ร่วมพูดคุยถึงร้านสารพัดไทย และความท้าทายของสินค้าไทยในเวทีโลก
“สารพัดไทย” ศูนย์รวมสินค้าสำหรับผู้หลงใหล ในไลฟ์สไตล์ที่เฟ้นหาผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผสานการออกแบบร่วมสมัยยิ่งใหญ่อลังการเป็นแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,400 ตร.ม. ณ ชั้น 3 โซนพาเหรด วัน แบงค็อก One Bangkok เดสติเนชันใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบวิถีสไตล์ไทยในยุคปัจจุบัน และกำลังมองหาสินค้าไทยที่สะท้อนความเป็นไทยผ่านการออกแบบและตีความออกมาให้เป็นของที่มีอัตลักษณ์ไทยในมุมมองใหม่และใช้ได้จริง ในชีวิตประจำวัน โดยถือฤกษ์ดีวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567จัดงานฉลองเปิดร้านอย่างเป็นทางการ
วรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการทั่วไปร้านสารพัดไทย เผยว่า เครื่องหมายการค้าของสารพัดไทย คือ “ฯลฯ” ซึ่งในความหมายในภาษาอังกฤษ หมายถึง etc. Thainess หรือคำไทยคือ สารพัดสิ่งและเรื่องราวเล่าขานไม่มีที่สิ้นสุดที่รอคอยคุณให้มาค้นหาที่สารพัดไทย อีกหนึ่งหัวใจหลัก คือ สินค้าทุกชิ้นต้องเป็นแบรนด์ที่คิดและออกแบบ โดย “คนไทย” ถ่ายทอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งความสวยงามและลึกซึ้งในวัฒนธรรม แสดงถึง อัตลักษณ์ความเป็นไทยในมุมมองใหม่ๆ ที่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบใด สารพัดไทยจะช่วยให้คุณค้นพบตัวตนในแบบฉบับที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน เรียกได้ว่าสารพัดไทย คือ แพลตฟอร์มที่นำสินค้าฝีมือคนไทยมาแสดง เป็นหนึ่งในโชว์เคสที่มาในรูปแบบของร้าน lifestyle shop
สำหรับ “สารพัดไทย” รวบรวมสิ่งของธรรมดาที่คนไทยคุ้นเคยในรูปแบบแปลกใหม่กว่า 20,000 ไอเทม สินค้าทุกชิ้น คือสื่อกลางสะท้อนถึงความเคารพ ความรักและความผูกพันทางสังคมและวัฒนธรรม ล้วนได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
โซน “แต่งเนื้อ แต่งตัว” บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยผ่านเสื้อผ้าเครื่องหนัง และเครื่องประดับ ที่ผสมผสานความเป็นไทยร่วมสมัยกับเทรนด์แฟชั่นโลกให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืน และสนุกสนานตามสไตล์คนเมือง อาทิ แบรนด์ Daroonนำเสนอความเป็นไทยมาผสมผสานกับความโมเดิร์น รังสรรค์ออกมาเป็นเสื้อผ้า และของใช้ไลฟ์สไตล์สุดเก๋ หรือแบรนด์ PALITแบรนด์เสื้อผ้าจากเชียงใหม่ที่เปิดช็อปแรกในกรุงเทพฯ นำเสนอ ในคอนเซ็ปต์ less is more ใช้วัสดุจากผ้าฝ้าย ผสานดีไซน์เรียบง่ายเข้าได้กับทุกยุคสมัย ปรากฏเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ได้ทุกวันตอบโจทย์คนเมืองได้อย่างลงตัว เป็นต้น
โซน “สุดแสน สร้างสรรค์” จุดบรรจบของความคิดสร้างสรรค์กับความเท่ พร้อมมอบความทรงจำอันสนุกสนานสไตล์ไทย อาทิ แบรนด์ “Moreover” นำสีสันและความสนุกของเมืองหลวงมาถ่ายทอดเป็นสินค้าแม็กเน็ตในธีม “กรุงเทพฯ” ทั้งสถานที่เด่น ร้านอาหารดัง และกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวหลงใหล และแบรนด์ “Ek Ka Nek” บาล์มสมุนไพรอโรมารูปแบบใหม่พกพาสะดวกเหมาะสำหรับเป็นของฝากด้วยภาพวาดแนว Doodle Artแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย
โซน “อยู่ดี กินดี” สัมผัสเสน่ห์ของอาหารไทย ผ่านเครื่องเทศ สมุนไพร ชา กาแฟ ตลอดจนขนมขบเคี้ยว ไม่ว่าจะเป็นเจลลีมะม่วงจาก “สวนปทุมทิพย์” ทำจากมะม่วงมหาชนกรสชาติหวาน หรือช็อกโกแลตนมรสทุเรียนและรสข้าวซอยจากแบรนด์“Siamaya’s Milk Chocolate” ผู้ผลิตช็อกโกแลตนมจากเมล็ดโกโก้ไทย และนมสดจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงไอเทมเด็ด “บ๊วยคืนชีพ”บ๊วยสัญชาติไทยที่เคี้ยวจนหยุดไม่ได้
โซน “อยู่เย็น เป็นสุข” เปลี่ยนบ้านของคุณเป็นมุมพักผ่อนอันเงียบสงบด้วยของตกแต่งบ้านสไตล์ไทยที่รุ่มรวยทางวัฒนธรรม และกลิ่นหอมจากสมุนไพรช่วยผ่อนคลาย เช่น แบรนด์ “Lively Light Ware” โคมไฟ ที่ตัวโคมเขียนลายจากครามออกแบบลวดลายเฉพาะสารพัดไทยคอนเซ็ปต์ “อยู่เย็น เป็นสุข” หรือแบรนด์ “Pinto Mada” ความทรงจำในวัยเด็กกับปิ่นโตโบราณที่ใส่อาหารฝีมือแม่ จนเกิดไอเดียนำปิ่นโตมาเพ้นท์ลวดลายต่างๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องมาเช็คอินลั่นชัตเตอร์ และแชร์ภาพสุดว้าว กับ “ตรอกโชคดี” ที่ถูกเนรมิตมาในธีม “โชคดีมีสุข” (Lucky Prosperity) เล่าเรื่องราวความเชื่อของคนไทยในเรื่องการแสวงหาความ “โชคดี” มีเทพมาอวยพร เป็นจุดถ่ายรูปที่แสดงถึงบรรยากาศของความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยสีสัน รวมถึงยังมีโซน “ตลาดนัด สารพัดไทย” เป็นพื้นที่รวมร้านเก๋ฝีมือดีไซเนอร์คนไทยรุ่นใหม่ในทุกวงการที่อยากนำเสนอผลงานผลิตภัณฑ์ดีๆ เวียนมาออกร้าน ตามธีมต่างๆ ที่จะเปลี่ยนไปทุกๆ ไตรมาส เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับร้านสารพัดไทย
นอกจากนี้ยังมี “สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ”ที่ศิลปินผลิตให้เฉพาะสารพัดไทยเพียงเท่านั้น เช่น อาร์ตทอย เรื่องราวของ “Polygon Ganesha” โดยแบรนด์ MUU แนวคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบชาวไทยที่ต้องการนำเสนอความเชื่อในพระพิฆเนศ ในรูปแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามและมีความหมายที่ลึกซึ้ง ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการผสานความศักดิ์สิทธิ์เข้ากับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล, สติ๊กเกอร์รูปขนมใส่ไส้ หรือยาดมที่มาในแพ็กเกจโขน หรือถุงผ้านางกวัก รวมถึงมี “มุมDIY” ที่ลูกค้าสามารถรังสรรค์ผลงานได้ หรือเลือกกระดาษห่อของขวัญเองได้อีกด้วย ราคาสินค้าเริ่มต้นประมาณ 500-1500 บาท พร้อมด้วยร้านชา สัญชาติไทย แบรนด์ “Tea ET Tea” และร้านคาเฟ่ กาแฟสัญชาติไทย “มหานคร คาเฟ่” ที่เตรียมเมนูพิเศษไว้ให้บริการมากมาย
ค้นพบความเป็นไทยในแบบของคุณเอง ทุกสารพัดสิ่งที่คุณค้นหา ได้ที่ Sarapad Thai (สารพัดไทย) ณ ชั้น 3 ฝั่ง Parade ตึก One Bangkok และติดตามกิจกรรมสนุก จาก Sarapad Thai ได้ที่ Facebook : Sarapad Thai, Instagram : sarapadthai
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี