วุฒิสภาออสเตรเลียผ่านกฎหมายเข้มงวดที่สุดในโลก ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า16 ปี ใช้งานโซเชียลมีเดีย วุฒิสภาออสเตรเลีย มีมติผ่านร่างกฎหมายห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดียแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 34 ต่อ 19 เสียง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 12 เดือนข้างหน้าโดยบริษัทเทคโนโลยีที่ไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 1,100 ล้านบาท)
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาการแก้ไขก่อนประกาศเป็นกฎหมาย แต่รัฐบาลครองเสียงข้างมากในสภาอยู่แล้ว จึงถือว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการเห็นชอบอย่างแน่นอน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ทำให้ออสเตรเลียกำลังจะขึ้นแท่นเป็นประเทศแรกที่จะบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเข้มงวดที่สุด เพราะแม้ว่าจะไม่ใช่ประเทศแรกที่พยายามจำกัดการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของเยาวชน แต่นับว่าเป็นการกำหนดเกณฑ์อายุสูงที่สุดในโลก และไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ใช้งานเดิมหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
รายละเอียดสำคัญของร่างกฎหมายนี้ จะบังคับให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องเพิ่มกระบวนการตรวจสอบเอง และรัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีตรวจสอบอายุในการบังคับใช้อีกทอดหนึ่งเวลานี้กฎหมายฉบับนี้ยังไม่ระบุแพลตฟอร์มที่จะบังคับห้ามใช้งาน โดยรัฐมนตรีการสื่อสารออสเตรเลียจะพิจารณาภายหลังตามคำแนะนำของ eSafety Commissioner ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางอินเตอร์เนต โดยแพลตฟอร์มเกมและแชทจะได้รับการยกเว้น รวมถึงเว็บไซต์ที่ไม่ต้องลงทะเบียน เช่น YouTube
รัฐบาลพรรคแรงงานของออสเตรเลีย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี มองว่าการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ที่มากเกินไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กและเชื่อว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยปกป้องเด็กจากอันตรายหลังจากข้อมูลทางการ ชี้ว่า เกือบ 2 ใน 3ของเด็กอายุ 14 ถึง 17 ปี ดูเนื้อหาออนไลน์ที่เป็นอันตราย ทั้งการใช้ยาเสพติด การฆ่าตัวตาย การทำร้ายตัวเองและการใช้ความรุนแรงอื่นๆถือเป็นสิ่งที่พ่อแม่ชาวออสเตรเลียหลายคนกำลังเป็นกังวล ที่ลูกๆ ของตัวเองใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป
ข้อมูลจาก eSafety Commissioner ชี้ว่า ชาวออสเตรเลียที่มีอายุระหว่าง 12 ถึง 17 ปี ท่องโลกออนไลน์เฉลี่ยสัปดาห์ละ 14.4 ชั่วโมง ซึ่งผู้ชายเล่นนานกว่าผู้หญิง และยิ่งโตก็ยิ่งเล่นเยอะขึ้น โดยมักใช้เวลาไปกับการหาข้อมูลที่สนใจ มากที่สุด 95% ดูคลิปวีดีโอและทีวีออนไลน์ คุยกับเพื่อนฟังเพลงและเล่นเกมออนไลน์ ดังนั้น ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ย่อมกระทบกับการพูดคุยของเด็กบนโลกออนไลน์ แต่รัฐบาล ระบุว่า เด็กจะยังสามารถเข้าถึงบริการส่งข้อความ เกมออนไลน์ รวมทั้งบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและสุขภาพได้
อย่างไรก็ตาม ชาวออสเตรเลียจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับกฎหมายใหม่นี้ เพราะมองว่าการดูแลลูกหลานเรื่องการใช้งานโซเชียลมีเดียควรจะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ใช่ให้รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงแบบนี้และการห้ามเด็กใช้โซเชียลมีเดียแบบไม่มีข้อยกเว้นแบบนี้ จะทำให้เด็กออสเตรเลียตามหลังประเทศอื่นเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล อันถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากๆ ในยุคนี้
เด็กๆ ออสเตรเลียหลายคนถึงกับบอกว่า นี่มันละเมิดประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนชัดๆ เพราะผ่านกฎหมายในสภากันเองโดยไม่ยอมสอบถามประชาชนก่อน เด็กๆ บางคนบอกว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องความรับผิดชอบของพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ใช่รัฐบาลต้องมาเป็นเจ้าภาพจัดการ และว่าหลังจากนี้พวกเขาก็จะไม่สนใจ และยังจะใช้งานสื่อออนไลน์ต่อไป แต่อาจใช้วิธีแอบเล่นเอา
กฎหมายนี้ยังถูกตั้งคำถามถึงวิธีการบังคับใช้ และผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัว กับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม แม้บริษัทวิจัยตลาด YouGovของอังกฤษ สำรวจความเห็นชาวออสเตรเลีย เมื่อเดือนส.ค. พบว่า ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการเข้มงวดของรัฐบาล อย่างการห้ามเล่นสื่อสังคมออนไลน์ กำหนดอายุเด็กที่ 17 ปีมากกว่าที่รัฐบาลเสนอเสียอีก นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีการกำกับดูแลสื่อสังคมออนไลน์เหมือนกับทีวี รวมทั้งให้บริษัทผู้ให้บริการไปร่วมมือกับรัฐเพื่อใช้อำนาจในการลบเนื้อหาออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม
ยังไม่แน่ใจว่า ทางการออสเตรเลียจะห้ามไม่ให้คนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างไร ซึ่งทางรัฐบาลบอกว่าจะใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีการทดสอบระบบในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีหลายๆ คนบอกว่าถึงการแบนจะเกิดขึ้นจริง และรัฐบาลจะมีวิธีการตรวจสอบอายุ แต่ก็มีหลายวิธีที่ผู้ใช้งานสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุได้ ด้วยการใช้ VPNเพื่อเปลี่ยนโลเกชั่นผู้ใช้งานว่าไม่ได้อยู่ในออสเตรเลีย หรือการให้ผู้อื่นสมัครบัญชีใช้งานแทน รวมทั้ง อาจจะมีโซเชียลมีเดียใต้ดินเกิดใหม่ เพื่อให้เยาวชนใช้โดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ เพราะโซเชียลมีเดียใต้ดิน รัฐบาลจะเข้าไปควบคุมอะไรไม่ได้เลย กลายเป็นว่ากฎหมายใหม่นี้จะผลักดันเยาวชนจากการใช้โซเชียลมีเดียที่รัฐบาลควบคุมได้ มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ไปสู่โซเชียลมีเดียใต้ดินที่เต็มไปด้วยเนื้อหาอันตรายที่ไร้การควบคุม
เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Snap, Meta และ TikTok ต่างวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายนี้ว่า ไม่มีรายละเอียดที่มากพอว่าจะดำเนินการอย่างไร และบอกว่ากฎหมายใหม่นี้จะไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจจะปกป้องเด็กจากการใช้งานโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ การแบนคนในประเทศตัวเองจากการใช้โซเชียลมีเดียถือว่าเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วย
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี