เอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกของไทย เผยนวัตกรรมเฉพาะทางและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มุ่ง “จบปัญหาอาการปวดกระดูกสันหลังได้ใน 1 วัน”
จากสถานการณ์โรคที่เกี่ยวข้องกับ “กระดูกสันหลัง” ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องทำงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า โรคปวดหลังทุกชนิดมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 33.29 และพบว่าสูงสุดในกลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไป, พนักงานเอกชน รองลงมา คือกลุ่มทำงานภาคเกษตรกรรม โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ช่วงอายุที่พบมากคือ 45-54 ปี รองลงมาช่วงอายุ 55-64 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงอาการปวดหลัง หลายคนคิดถึงการผ่าตัดใหญ่และพักฟื้นเป็นเวลายาวนาน แต่สำหรับ รพ.เอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งเดียวและแห่งแรกในประเทศไทย ที่รักษาผู้ป่วยมากกว่า ١٠٠,٠٠٠ ราย ได้ลบภาพจำเดิมๆ ของการผ่าตัดหลังยุคเก่าออกไป สามารถทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ภายใน 1 วัน หลังการผ่าตัด หรือนอนพักในโรงพยาบาลเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น
ด้วยคอนเซ็ปต์ “แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว” เพราะใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้องเป็นหลัก ทำให้แผลมีขนาดเล็กมากแค่ประมาณ 0.5 ซม.เท่านั้น จึงไม่แปลกที่จะทำให้คนไข้เจ็บตัวน้อย และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วที่สำคัญคือ “หยุดปวด”ได้ทันทีหลังการผ่าตัด
ขั้นตอนการรักษาผ่านเรื่องเล่าของแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เริ่มจาก 1.การเดินทางมารักษาโรคกระดูกสันหลังภายใน 1 วัน : ผู้ป่วยต้องเดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้ตั้งแต่เช้า เพื่อลงทะเบียนที่แผนกต้อนรับ จากนั้น เจ้าหน้าที่จะซักประวัติเบื้องต้น เช่น อาการที่เป็นอยู่ ความเจ็บปวด ตำแหน่งที่ปวด และระยะเวลาที่มีอาการ เพื่อให้ทีมแพทย์ได้ข้อมูลพื้นฐานในการประเมินอาการ
2.การพบแพทย์เฉพาะทางโรคกระดูกสันหลัง : การตรวจโรคกระดูกสันหลังเริ่มจากการซักประวัติผู้ป่วยเพื่อประเมินอาการและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จากนั้นจึงตรวจร่างกายเบื้องต้น เช่น การกดจุดและตรวจการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง หากพบอาการน่าสงสัยที่ตรงตามมาตรฐาน S-Quality แพทย์จะสั่งการตรวจ X-ray และ MRI โดยเทคนิคเฉพาะ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการอย่างละเอียด การตรวจนี้ช่วยให้การวางแผนการรักษาชัดเจนและตรงจุด
3.ความล้ำหน้าของการค้นหาสาเหตุ ก่อนรักษาโรคกระดูกสันหลัง : การตรวจวินิจฉัยด้วย X-ray และ MRI โดยเทคนิคเฉพาะ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ใช้เวลาเพียง 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แต่ให้ประโยชน์มหาศาลในการรักษาโรคกระดูกสันหลังที่ต้นเหตุ อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเอส สไปน์ มีเครื่อง MRI ถึง 3 เครื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเครื่อง MRI แบบยืน ช่วยให้สามารถวินิจฉัยสาเหตุที่ซับซ้อนมากกว่าเครื่องแบบนอน จึงทำให้การรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ผู้ป่วย
4.ประเมินผลและวางแผนการรักษา : เมื่อผลการตรวจ X-ray หรือ MRI ออกมา แพทย์จะอธิบายผลการวินิจฉัยและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมหากแพทย์มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในเทคนิคที่หลากหลาย จะสามารถเลือกหัตถการที่ตรงกับอาการของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโรงพยาบาลมีหัตถการหลายรูปแบบที่ครอบคลุมการรักษาโรคกระดูกสันหลัง โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับอาการ เช่น การเจาะรูส่องกล้องแบบ PSLD ซึ่งเป็นหนึ่งในหัตถการที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลัง อย่างไรก็ตามหากขาดความชำนาญในเทคนิคเหล่านี้ ก็อาจทำให้การรักษาไม่ตรงกับความต้องการเฉพาะของผู้ป่วย
5.การเตรียมตัวก่อนการรักษา : ทีมผู้ช่วยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางและได้รับการฝึกฝนอบรมเฉพาะด้านเกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลัง จะเข้ามาดูแลและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งประสานงานกับแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษา หลังการตรวจวินิจฉัยได้ทันที
หากผู้ป่วยต้องการรับการผ่าตัด อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ เครื่องมือที่ใช้ ซึ่งโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง จะใช้เครื่องมือเฉพาะทางการรักษาโรคกระดูกสันหลังเพียงอย่างเดียว จึงทำให้มีเครื่องมือชั้นนำจากทั่วโลกมาใช้ในการรักษา โดยเน้นการรักษาแบบแผลเล็กที่เรียกว่า MIS SPINE แบบครบวงจร ซึ่งจำเป็นต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมผู้ช่วยแพทย์เฉพาะทาง จึงจะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่จะใช้เวลาผ่าตัดไม่เกิน 1 ชั่วโมง
6.การฟื้นตัวและการติดตามผลหลังการรักษา :หลังการรักษา ทีมแพทย์และพยาบาลจะดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี