องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection)ขอแสดงความกังวลต่อผลการประชุมCOP29 (หรือการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่29) ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาหลังตัวแทนจากทุกประเทศได้ร่วมตกลง“เป้าหมายทางการเงินใหม่” (New Collective Quantified Goal on Climate Finance: NCQG) โดยมุ่งจัดสรรงบประมาณในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแต่ตัวเลขเงินสนับสนุนที่ตั้งไว้กลับต่ำเกินกว่าที่จะใช้รับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
แม้จะเป็นเรื่องดีที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มทุนข้ามชาติได้ให้คำสัญญาว่าจะสนับสนุนเงิน
จำนวน3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐแต่ตัวเลขนี้ดูห่างไกลจาก1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจำเป็นต่อการบรรเทาผลกระทบที่รุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อปกป้องชุมชนที่เปราะบางสัตว์ป่าและหยุดยั้งความทุกข์ทรมานของสัตว์ที่อยู่ในระบบอุตสาหกรรมอาหาร
เคลลี่เดนต์ผู้อำนวยการฝ่ายเครือข่ายความร่วมมือองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกซึ่งเข้าร่วมการประชุมCOP29 กล่าวว่า "COP29 จะถูกจดจำว่าเป็น ‘การเลี่ยงจากความรับผิดชอบทางการเงินครั้งใหญ่’หลังการเจรจาอย่างดุเดือดตลอดสองสัปดาห์บรรยากาศเต็มไปด้วยความพยายามที่จะประวิงเวลาและลดทอนความตั้งใจจริงของการแก้ไขปัญหาในที่สุดประเทศที่ร่ำรวยได้เลี่ยงความรับผิดชอบอีกครั้งโดยเสนองบประมาณเพียงเล็กน้อยในขณะที่โลกกำลังลุกเป็นไฟพลเมืองโลกและสัตว์นับล้านกำลังทนทุกข์"
"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการรักษาเป้าหมายเพื่อจำกัดอุณหภูมิโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน1.5 องศาแต่ยังเป็นเรื่องของความยุติธรรมต่อผู้ผลิตอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงประชากรโลกแต่พวกเขากลับถูกทอดทิ้งให้แบกรับกับผลกระทบตามลำพังนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของระบบนิเวศที่ใกล้ล่มสลายและสัตว์นับพันล้านที่ต้องทนทุกข์ในระบบอุตสาหกรรมอาหารที่ขับเคลื่อนด้วยกำไรและทำลายสภาพภูมิอากาศไปพร้อมๆกัน"
"แทนที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังแต่เรากลับได้เพียงการแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่แสร้งทำว่าเป็นทางออกในขณะที่วิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพทวีความรุนแรงขึ้นที่อยู่อาศัยถูกทำลายสัตว์จำนวนมากต้องทุกข์ทรมานและชุมชนทั้งหมดถูกทิ้งไว้ให้เผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ"
ความล้มเหลวของการจัดการแก้ปัญหาที่ต้นตอ – การเกษตรเชิงอุตสาหกรรม
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากระบบการผลิตอาหารโลกยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแต่COP29 กลับไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาในส่วนนี้เกษตรเชิงอุตสาหกรรม—โดยเฉพาะฟาร์มสัตว์อุตสาหกรรม—เป็นต้นตอของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำลายที่อยู่อาศัยส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารและทำให้สัตว์ฟาร์มได้รับความทุกข์ทรมาน
เคลลี่เดนต์เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังว่า "เราไม่สามารถสนับสนุนระบบที่ทำลายสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพและความทุกข์ยากของประชากรโลกได้อีกต่อไปเพราะฉะนั้นแนวทางด้านการเกษตรที่ยั่งยืนมีมนุษยธรรมและเท่าเทียมต้องเข้ามาแทนที่เกษตรเชิงอุตสาหกรรมทางออกนี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศแต่ยังช่วยยุติความทุกข์ทรมานของสัตว์นับพันล้านตัวที่อยู่ในฟาร์มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่"
‘บรรษัทเกษตร’เข้าครอบงำการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่าแนวคิดHarmoniya Climate (โครงการที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับเกษตรกรและชุมชนชนบทโดยส่งเสริมระบบการเกษตรที่ยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ) ที่เปิดตัวในCOP29 จะดูเป็นแนวคิดที่ดีแต่ในทางปฏิบัติอาจได้รับอิทธิพลจากกลุ่มธุรกิจการเกษตร
"เสียงจากผู้ผลิตรายย่อย—หรือกลุ่มคนที่มีส่วนสำคัญต่อระบบอาหารที่ยั่งยืน—เวลานี้ถูกกลบด้วยบรรดาล็อบบี้ยิสต์ของระบบอุตสาหกรรมที่ปกป้องผลกำไรเหนือผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมUNFCCC ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อลดอิทธิพลของกลุ่มธุรกิจการเกษตรหากต้องการกู้ความน่าเชื่อถือก่อนการประชุมครั้งถัดไปของCOP30 ที่เมืองเบเล็งประเทศบราซิล" เคลลี่เดนต์กล่าวถึงบทบาทของล็อบบี้ยิสต์ในอุตสาหกรรมนี้
ผลกระทบต่อประเทศไทยและก้าวสำคัญต่อการปฏิรูประบบอาหาร
ประเทศไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านภูมิอากาศโลกสูงถึงอันดับ 9 จากกว่า 180 ประเทศทั่วโลกดังนั้นเราจึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐของไทยให้ความสำคัญกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยงสัตว์แบบอุตสาหกรรม
ผลกระทบจากการขยายตัวของฟาร์มสัตว์อุตสาหกรรมเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยปรากฏการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นในภาคเหนือและปัญหาหมอกควันPM2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นในหน้าแล้งและทวีความรุนแรงขึ้นทุกปีล้วนมีสาเหตุสำคัญมาจากธุรกิจอาหารสัตว์ที่ขยายตัวในประเทศและภูมิภาคนี้ส่งผลต่อการสูญเสียพื้นที่ป่าความหลากหลายทางชีวภาพและส่งผลให้ภัยพิบัติที่เกิดถี่และรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
โชคดีสมิทธิ์กิตติผลผู้จัดการแคมเปญระบบอาหารองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย)กล่าวว่า“ไทยจะไม่สามารถเป็นครัวของโลกได้และอาจไม่สามารถเป็นครัวให้กับคนไทยเองได้ด้วยซ้ำหากเราปล่อยให้ระบบอาหารที่พึ่งพิงความเป็นอุตสาหกรรมขยายตัวต่อไปเช่นนี้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการเกษตรของเรามีรายงานและหลักฐานต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากที่พิสูจน์ให้เราเห็นชัดแล้วว่าเราจำเป็นต้องเริ่มปรับเปลี่ยนระบบอาหารโดยด่วน”
องค์กรพิทักษ์สัตว์โลกจะยังคงผลักดันการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมไป สู่ระบบอาหารที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของคนปกป้องสัตว์และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกชีวิตบนโลก
สามารถติดตามงานของเราและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นได้ที่www.worldanimalprotection.or.th
เครดิตภาพถ่าย :
ภาพโรงเลี้ยงไก่ขนาดใหญ่ ©iStock/DuxX
ภาพรถแทรกเตอร์© iStock.com/fotokostic
ภาพแผงขายเนื้อสัตว์ © World Animal Protection/Julia Bakker
ภาพบุคคล© World Animal Protection
ภาพไร่ข้าวโพดแห้งแล้ง© World Animal Protection
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี