กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดนกพบในต่างประเทศเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ในขณะที่ไทยไม่มีรายงานโรคในคนตั้งแต่ปี 2549 อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคมีการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมภายใต้ความร่วมมือสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) เพื่อความปลอดภัย
กรมควบคุมโรค โดย นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกล่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก(World Health Organization; WHO) ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2567 รายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2546-1 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยสะสม939 ราย เสียชีวิต 464 ราย ใน 24 ประเทศและข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (The United States Centers for Disease Control and Prevention; U.S. CDC) ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 รายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในปี 2567 จำนวน 64 ราย ใน 9 รัฐ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสโคนมที่ติดเชื้อ 39 ราย สัมผัสสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ 22 ราย สัมผัสสัตว์อื่นๆ 1 ราย
และไม่ระบุแหล่งที่มาของการติดเชื้อ 2 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยในปี 2567 เพิ่มเติมในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว
“สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในต่างประเทศเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยเชื่อมโยงกับสัตว์ปีกติดเชื้อสัตว์ปีกป่วยตาย หรือโคนมที่ติดเชื้อ อีกทั้งยังมีการพบเชื้อในสัตว์ปีก นกธรรมชาติ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วโลกเพิ่มขึ้น แม้ไทยไม่มีรายงานโรคในคนตั้งแต่ปี 2549 แต่ปัจจัยเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ การเดินทางระหว่างประเทศและการเลี้ยงสัตว์ปีกยังคงสูง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมภายใต้ความร่วมมือสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) มาอย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
ด้าน นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้เพิ่มความเข้มงวดการเฝ้าระวังในโรงพยาบาลและจุดคัดกรองโรค โดยได้สั่งการและให้คำแนะนำหน่วยบริการในทุกจังหวัดยกระดับการเฝ้าระวังในคนโดยเน้นการซักประวัติเสี่ยง ณ จุดคัดกรองโรคที่โรงพยาบาล ติดป้ายแจ้งเตือนผู้มารับบริการ หากผู้ป่วยที่มีอาการไข้ และมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ไอปวดเมื่อยตามร่างกาย หายใจหอบเหนื่อยหรือหายใจลำบาก และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกหรือฟาร์มโคนมให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
“บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข ปศุสัตว์ และสัตว์ป่า ถือเป็นกลุ่มสำคัญที่ต้องได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงจากการปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ป่วยและอาจสัมผัสเชื้อโดยตรง การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ แม้จะไม่ได้ป้องกันโรคไข้หวัดนกโดยตรง แต่ช่วยลดความรุนแรงของอาการ และลดโอกาสการติดเชื้อร่วมระหว่างไวรัสไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ ของเชื้อที่รุนแรงขึ้น กรมควบคุมโรคแนะนำให้บุคลากรกลุ่มดังกล่าวฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด กรมควบคุมโรค ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนมาตรการป้องกัน เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดพร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทย สามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใช้เองในประเทศเพื่อความมั่นคงด้านวัคซีน ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ และเพิ่มความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน”
กรณีผู้ป่วยไข้หวัดนกที่มีอาการรุนแรงรายล่าสุดในสหรัฐอเมริกา พบมีประวัติการสัมผัสฝูงนกป่วยหรือตายที่เลี้ยงไว้ในสวนหลังบ้าน นอกจากนี้ยังพบมีการรายงานผู้ป่วยที่มีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสโคนมติดเชื้อเพิ่มขึ้น กรมควบคุมโรค และกรมปศุสัตว์ ขอแนะนำเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ หากพบสัตว์ปีกนกธรรมชาติ นกอพยพ และโคนม ป่วยหรือตายผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ไปตรวจสอบทันที หรือโทรสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-2256888 และหากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือมีเยื่อบุตาอักเสบ (ตาแดง) หลังสัมผัสกับสัตว์ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยงให้แพทย์ทราบ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี