ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนวิสัยทัศน์เศรษฐกิจให้กลายเป็นจริง ด้วยโครงการ "One Family One Soft Power (OFOS)" ที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพด้านอาหารไทยและนำพาคนไทยสู่ความสำเร็จระดับโลก โครงการนี้เป็นเหมือนแสงสว่างสำหรับคนที่มีความฝันอยากเป็นเชฟมืออาชีพ หรือผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพใหม่จากความสามารถของตัวเอง
กลายเป็นข่าวดีส่งท้ายปี 2567 เมื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ สาขาอาหาร เดินหน้านโยบาย One Family One Soft Power : OFOS สอดรับการส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางอาหารระดับโลก (Global Food Hub) จากนโยบายดังกล่าว นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินโครงการผ่าน 4 กิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย 1) ยกระดับหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย 2) การพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย 3) ยกระดับศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน และ 4) การส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังได้สานต่อความสำเร็จด้วยแผนงานระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2567-2570) คาดสร้างงานและอาชีพกว่า 75,000 ตำแหน่ง เพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศกว่า 3,500 ล้านบาท
พลิกฝันให้เป็นจริง
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงโครงการฯดังกล่าว
“ในอดีต หลายคนที่อยากเป็นเชฟต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่ เช่น ค่าใช้จ่ายที่สูงในการเรียนหลักสูตรอาหาร และโอกาสที่จำกัดสำหรับการทำงานในต่างประเทศ แต่วันนี้โครงการ OFOS กำลังเปลี่ยนแปลงความฝันเหล่านี้ให้เป็นจริง OFOS ถือเป็นนโยบายที่เป็นอุตสาหกรรมเรือธงที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งเป็นการฝึกอบรบ Upskill คือ การพัฒนาเพื่อยกระดับทักษะที่เรามีให้ดีกว่าเดิม และReskill คือ การสร้างทักษะขึ้นมาใหม่ที่จำเป็นต่อการทำงาน ให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมได้พัฒนากลายเป็นแรงงานที่มีทักษะสูง ด้วยการเปิดอบรมฟรีที่เน้นทักษะการทำอาหารไทยอย่างมืออาชีพ หลักสูตรนี้ไม่ได้เพียงแค่สอนวิธีการทำอาหาร แต่ยังเปิดประตูให้ผู้เข้าร่วมก้าวสู่ระดับนานาชาติ ผ่านการสนับสนุนจากสถานทูตไทยทั่วโลก เครือข่ายทูตพาณิชย์ และระบบฐานข้อมูลออนไลน์ ที่เชื่อมโยงเชฟกับผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างแดน”
สานฝัน สร้างอนาคตให้กับชุมชน
นายแพทย์สุรพงษ์ชี้ว่า เป้าหมายของโครงการนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่การเพิ่มจำนวนเชฟหรือร้านอาหาร แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนในวงกว้าง
“เราต้องการเห็นตัวแทนจากทุกหมู่บ้านของประเทศไทยได้รับการฝึกอบรม และกลับไปเป็นแรงบันดาลใจให้กับชุมชนของเขา”
อยากจะให้ทุกๆ หมู่บ้านมีตัวแทนที่จะมาอบรม พอมีคนหนึ่งคน ที่เป็นตัวแทนหมู่บ้านได้เป็นเชฟอาหารไทย สามารถไปทำงานยังต่างประเทศได้ เมื่อคนในหมู่บ้านนั้นๆ ได้เห็นตัวแทนประสบความสำเร็จ คนอื่นๆ ในหมู่บ้านนั้นๆ ก็จะพร้อมที่จะได้ฝึกอบรบและพัฒนาตัวเอง พาตัวเองออกไปสู่ตลาดโลกด้วยเช่นเดียวกัน โครงการนี้วางแผนให้มีผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมรุ่นแรก 1,500 คนภายในปี 2568 แผนงานนี้คือการสร้างโอกาสให้กับคนไทยทุกระดับ ตั้งแต่การสร้างงานและอาชีพกว่า 75,000 ตำแหน่ง ไปจนถึงการเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ รวมมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท
อาหารไทย: ทูตวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจของชาติ
อาหารไทยไม่เพียงเป็นเมนูโปรดของคนทั่วโลก แต่ยังเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทยที่แสดงถึงความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โครงการนี้จึงไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างอาชีพ แต่ยังยกระดับอาหารไทยให้กลายเป็น Soft Power ที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศในสายตานานาชาติ ในขณะเดียวกันเอง เราจะสร้างเครือข่ายโดยอาศัยทางท่านเอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ประจำในประเทศต่างๆ ที่จะผลักดันให้เกิดร้านอาหารไทยในต่างแดน และจะผลักดันเชฟเหล่านี้ไปประจำยังร้านอาหารต่างแดนได้อีกด้วย
และ เรายังสามารถผลักดันวัตถุดิบอาหารไทยต่างๆ เช่น วัตถุดิบที่เป็นผักพิเศษต่างๆของไทย ผลักดันออกไปสู่ทั่วโลกได้ ตรงนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนทำให้เมนูอาหารไทยได้มีการยอมรับเพิ่มมากขึ้น ได้มีโอกาสให้คนทุกชนชาติได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารไทยเพิ่มมากขึ้น จากนั้น เราจะผลักดันอาหารไทยที่ออกแบบมาในรูปแบบอาหารสำเร็จรูป พร้อมทานได้เลย ด้วยกระบวนการถนอมอาหารด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เก็บได้นาน1-2ปี ซึ่งตรงนี้จะทำให้เราส่งออกอาหารไทย ที่ไม่ใช่แค่ส่งออกพืชผลทางการเกษตรอย่างเดียว ไม่ใช่ส่งออกข้าว ไม่ใช่แค่ส่งออกผลไม้ แต่ยังส่งออกอาหารที่จะสามารถพร้อมทานได้ทันที นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวเสริม
“ความสำเร็จไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม โครงการนี้พร้อมสนับสนุนคุณทุกก้าว เพื่อให้ฝันของคุณกลายเป็นจริง”
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่: กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อคัดเลือกตัวแทนจากทุกหมู่บ้าน และเว็บไซต์ Thailand Creative Content Agency (THACCA) ซึ่งจะเปิดรับสมัครจำนวนมากภายในปี 2568
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี