ในชีวิตคนเราทุกคนล้วนพบเจอคนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนง่าย หรือชอบทำตัวเป็นจุดเด่น เพื่อดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง โดยบางคนอาจไม่รู้ตัวว่า อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “โรคฮิสทีเรีย” หรือ “บุคลิกภาพแปรปรวนแบบฮิสทริโอนิก” ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชที่ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของบุคคล
แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH- Bangkok Mental Health Hospital กล่าวว่า คำว่า ฮิสทีเรีย (Hysteria) หมายถึง การแสดงออกทางอารมณ์ และท่าทางมากกว่าปกติ พฤติกรรมลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถ้ามีพฤติกรรมนี้ร่วมกับมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ ควบคุมความวิตกกังวลของตัวเองไม่ค่อยได้ และไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้ดีเท่าคนปกติ อาจนึกถึง
โรคบุคลิกภาพแปรปรวนในกลุ่มบี (Cluster B Personality Disorder)
โรคฮิสทีเรียมี 2 ประเภท ดังนี้ 1.โรคประสาทฮิสทีเรีย(Conversion Reaction) คือ เมื่อมีความเครียดหรือความกังวลใจมาก จะทำให้เกิดอาการผิดปกติที่ระบบการเคลื่อนไหว และการรับรู้ เช่น ชาที่แขน ขา พูดไม่มีเสียงตามองไม่เห็น กล้ามเนื้อกระตุก สูญเสียความทรงจำบางเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจ แต่เมื่อผู้ป่วยตรวจร่างกายอาจจะไม่พบความผิดปกติเพราะเกิดจากสภาพจิตใจของผู้ป่วยเอง 2.โรคบุคลิกภาพแปรปรวนแบบฮิสทริโอนิก (Histrionic Personality Disorder) เป็นอาการที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นโรคติดเซ็กซ์ ที่ไม่สามารถขาดผู้ชายได้ ซึ่งที่จริงแล้ว ผู้ป่วยแค่ต้องการได้รับความสนใจจากคนอื่นเป็นอย่างมาก โดยมีอาการดังนี้ ต้องการเป็นจุดเด่น หรือจุดสนใจ เช่น พูดจา แสดงท่าทางเกินจริง ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกอึดอัด และทนไม่ได้ทันทีหากตัวเองไม่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้าง การแสดงออกดูเหมือนยั่วยวน พยายามเข้าหาผู้อื่น โดยเฉพาะเพศตรงข้าม ด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ชอบแต่งตัวยั่วยวนเพื่อให้ตนเองเป็นจุดสนใจ แสดงออกถึงความสนิทสนมกับผู้อื่นมากเกินจริงคิดไปเองว่าสนิทสนมกับอีกฝ่าย ทั้งที่อีกฝ่ายอาจไม่ได้รู้สึกสนิทใจด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมดราม่าแสดงอารมณ์รุนแรง แปรปรวนง่าย และชอบสร้างเรื่องราวให้ดูน่าตื่นเต้น ต้องการการเอาใจใส่ : ต้องการได้รับการยกย่อง ชมเชย และสนับสนุนจากผู้อื่น ขาดความมั่นใจในตนเอง : ต้องการการยืนยันจากผู้อื่น กลัวถูกทอดทิ้ง มีความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคง : มักมีความสัมพันธ์ที่สั้น รุนแรง และเต็มไปด้วยความขัดแย้งตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ : มักตัดสินใจโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ อาจมีพฤติกรรมขู่หรือลงมือทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
สาเหตุของโรคบุคลิกภาพแบบฮิสทริโอนิก อาจเกิดจากประสบการณ์ในวัยเด็ก เช่น การไม่ได้รับความรัก ความอบอุ่น การถูกทอดทิ้ง ทำให้เด็กเกิดความกังวลที่ต้องแยกจากพ่อแม่ การถูกทารุณกรรม เป็นต้น, มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม โดยหากบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพฮิสทริโอนิกได้ จนเกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรมของคนในครอบครัวที่เป็นโรคฮิสทีเรีย และปัจจัยส่วนบุคคล เช่น ลักษณะทางจิตวิทยา วิธีจัดการกับอารมณ์และความเครียดของแต่ละคน เป็นต้น
การรักษาโรคบุคลิกภาพแปรปรวนแบบฮิสทริโอนิก จิตแพทย์จะเน้นการรักษาด้วยการทำจิตบำบัดเพื่อหาสาเหตุการเกิดโรค พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ปรับความคิดให้ผู้ป่วยมี
มุมมองบวกกับตัวเองและทำให้ผู้ป่วยเกิดความเชื่อมั่นในความรักความสัมพันธ์ของตัวเอง แต่อาจจะมีการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้า หรือวิตกกังวล ร่วมด้วยก็จะมีการให้ยาต้านเศร้า หรือยารักษาวิตกกังวล
สำหรับการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพแปรปรวนแบบฮิสทริโอนิก ต้องดูแลตามความเหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือถ้าพบว่าผู้ป่วยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สามารถบอกกับผู้ป่วยตรงๆ เพื่อให้เค้ารู้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ส่งผลกระทบอย่างไรต่อคนรอบข้าง
ทั้งนี้ โรคฮิสทีเรียเป็นโรคทางจิตเวชที่มีความซับซ้อนและต้องได้รับการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคฮิสทีเรีย ควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี