เทศกาลตรุษจีน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของโลก และขุมทรัพย์แห่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการจับจ่ายทุกไตรมาส แต่นอกจากในแง่มุมของประเพณี พิธีกรรม และการเฉลิมฉลองอันเลื่องชื่อของโลกนี้ คุณรู้จัก “ตรุษจีน”ดีแค่ไหน? ท็อปส์ จึงจับมือกับดร.วิทย์ สิทธิเวคิน หรือ เฮียวิทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ร่วมสมัยและพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของแคมเปญ TOPS THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025 พาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปยังช่วงก่อกำเนิดวัฒนธรรมจีน มาดูกันว่าเทศกาลตรุษจีนมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และหลากหลายกิจกรรมที่นิยมทำกันในวันตรุษจีนแฝงความหมายสำคัญเอาไว้อย่างไร?
เปิดที่มาของ “ตรุษจีน”เทศกาลแห่งความกตัญญูกตเวที
“ในอดีตโลกมนุษย์ของเราอิงกับฤดูกาลมาตลอด และสังคมส่วนมากก็เป็นสังคมเกษตรกรรม สังคมจีนก็เช่นเดียวกัน ตรุษจีนถือกำเนิดขึ้นโดยเชื่อมโยงกับฤดูกาลเพาะปลูก หรือวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันแรกของปี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เชื่อมโยงกับความเป็นสิริมงคล คำถามต่อมาก็คือ แล้วอะไรล่ะที่จะแสดงถึงความเป็นสิริมงคล? คงต้องย้อนกลับไปมองที่ปรัชญาในการใช้ชีวิตของชาวจีนอย่างหลักขงจื๊อ หรือที่ภาษาจีนเรียกว่าหยูเจีย (儒家) โดยหนึ่งในค่านิยมของปรัชญาขงจื๊อ ก็คือการแสดงความกตัญญูกตเวที ชาวจีนจึงถือว่าการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เป็นสิ่งมงคลที่ต้องทำในวันตรุษจีน และนอกเหนือจากการแสดงความเคารพต่อบุพการี ยังต้องเสริมความมั่งมีศรีสุขให้กับชีวิตด้วย จึงมีการกราบไหว้เทพเจ้าเพิ่มเข้าไป ซึ่งเทพเจ้าที่คนจีนนิยมสักการะกันมากในเทศกาล ก็คือเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย(财神爷) เทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเอง”
ถอดรหัส “ของไหว้” สิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันตรุษจีน
“พูดถึงการเซ่นไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าแล้ว อีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ “ของไหว้” หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าคนจีนมีวิธีการเลือกของเซ่นไหว้อย่างไร คำตอบก็คือวิธีคิดเชิงกุศโลบายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งของเหล่านั้น เป็นต้นว่า สิ่งใดก็ตามที่ลักษณะแสดงถึงความเป็นมงคล เช่น ตำลึงเงิน ตำลึงทอง หรือสิ่งใดก็ตามที่แสดงถึงความยืนยาว เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว ก็จะถูกนำมาใช้เป็นของไหว้ และนอกจากลักษณะภายนอกแล้วชาวจีนยังมีการใช้คำพ้องเสียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลเช่นกัน เช่น ส้ม ภาษาจีนเรียกว่า เฉิง (橙) พ้องเสียงกับคำว่า เฉิงกง (成功)ที่แปลว่าสำเร็จ ปลา ภาษาจีนเรียกว่ายวี๋ (鱼) พ้องเสียงกับคำว่า ยวี๋ (余) ที่แปลว่าเหลือกิน เหลือใช้ หรือ แอปเปิ้ล ภาษาจีนเรียกว่า ผิงกั่ว (苹果)ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า ผิงอัน (平安)ที่แปลว่าปลอดภัย เป็นต้น”
“อั่งเปา” สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง พร้อมกับความหมายที่ซ่อนอยู่
“เมื่อพูดถึงวันตรุษจีน สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงเลยก็คือการให้อั่งเปา เพราะนอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ (มนุษย์กับฤดูใบไม้ผลิ) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองด้วย วิธีคิดที่มาคู่กับความกตัญญูกตเวที ก็คือการจุนเจือบริวาร คนที่เป็นผู้ใหญ่ สามารถหารายได้ด้วยตัวเองได้แล้ว จึงนิยมมอบอั่งเปาให้กับบริวาร อาจเป็นลูกหลาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อเป็นจรรโลงจิตใจให้ลดความตระหนี่ อย่างไรก็ดี กุศโลบายคำพ้องเสียงสะท้อนความเป็นมงคลก็ถูกนำมาใช้กับการให้อั่งเปาเช่นกัน ชาวจีนจึงไม่นิยมให้อั่งเปาตามจำนวนเงินที่มีเลข 4 เนื่องจากในภาษาจีน คำว่า ซื่อ (四)ที่แปลว่า 4 ออกเสียงคล้ายคำว่าสื่อ (死)ซึ่งมีความหมายไม่เป็นมงคล นอกจากนี้ชาวจีนยังเชื่อในเลขคู่ทำอะไรให้ทำเป็นคู่เวลาให้อั่งเปาจึงนิยมให้เป็นเลขคู่”
เปิดตำราส่องเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทย
“องค์ประกอบต่างๆ ในเทศกาลตรุษจีน ทั้งการกราบไหว้บรรพบุรุษการบูชาเทพเจ้า ของไหว้ และอั่งเปา ล้วนเป็นแนวปฏิบัติดั้งเดิมที่มาจากชาวจีน ที่ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย เนื่องจากแผ่นดินของเราโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม และมีสัดส่วนของ หัวเฉียว(华侨)หรือชาวจีนโพ้นทะเลที่กระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งจีนแต้จิ๋วจีนกวางตุ้ง จีนฮกเกี้ยน และไหหลำ ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ใดก็ตาม พวกเขาก็ยังคงยึดถือในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม ทั้งนี้ ด้วยความที่ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ เรามีพืชพรรณธัญญาหารมากมาย คนเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในไทยจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีน โดยนิยมไหว้หมู เห็ด เป็ด ไก่ พร้อมด้วยผลไม้และของมงคลต่าง ๆ อย่างเต็มที่ การเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในไทยจึงยิ่งใหญ่ และเป็นที่นิยมไม่แพ้ต้นอารยธรรมอย่างจีนแผ่นดินใหญ่เลยทีเดียว”
ตรุษจีนวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ในมุมมองของ ดร.วิทย์
“จุดเริ่มต้นของเทศกาลตรุษจีน มาจากการเฉลิมฉลองฤดูกาลแห่งการเพาะปลูก ก่อนเติมเต็มด้วยความเชื่อและค่านิยมมากมาย จนกลายเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน ดังนั้นหากจะถามว่าตรุษจีนวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าเทศกาลนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป แต่อาจมีวิวัฒนาการเพิ่มเติมไปตามยุคสมัย เช่น บางคนไม่ทานเนื้อสัตว์ ในอนาคตอาจมีคนคิดทำชุดของไหว้แบบมังสวิรัติ หรือบางคนก็เริ่มคิดในเชิง Practical มากขึ้น ว่าของไหว้ที่ถวายเทพเจ้าไปแล้วจะนำไปใช้ทำอะไรต่อ ของไหว้ก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นของที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้มากขึ้น แต่ไม่ว่าในวันข้างหน้า วิวัฒนาการของตรุษจีนจะเป็นอย่างไร แก่นสารของเทศกาลตรุษจีนก็ยังคงเป็นเช่นเดิม คือการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติและบรรพบุรุษ และแม้ปัจจุบัน จีนจะส่งจรวดไปสำรวจดาวอังคารได้แล้ว แต่ชาวจีนก็ยังให้ความสำคัญกับรากเหง้าของตน และยังคงประกาศว่าวันหยุดแห่งชาติคือเทศกาลตรุษจีนดังเช่นในอดีตครับ”
ทั้งหมดนี้ คือเกร็ดความรู้น่าสนใจจาก ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ที่จะทำให้คุณรู้จักกับตรุษจีนในมุมใหม่ และเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น คราวนี้ก็ถึงเวลาเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนปีงูไฟ ด้วยสินค้าเสริมสิริมงคลสุดพิเศษจากท็อปส์แบบครบครัน อาทิ ชุดเครื่องไหว้เซตมงคลอาหารทะเลพรีเมียม รวม 5 ชนิดกุ้งล็อบสเตอร์ หอยเป๋าฮื้อ ปลากะพงแดงปลาหมึกทาโกะ และกุ้ง มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์ เซตไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษผลไม้สดใหม่ที่แฝงความหมายลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นส้ม แอปเปิ้ล สาลี่ เมล่อนสลักอักษรมงคล ฯลฯ และขนมมงคล อาทิ มายชอยส์ปุยฝ้าย ซิ้วท้อมงคล ขนมเข่งเทียน และขนมเข่ง รวมถึงของตกแต่งตามเทศกาลอีกมากมาย พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ เพียงสั่งจองสินค้าล่วงหน้าสำหรับไหว้ตรุษจีน ตั้งแต่วันนี้-24 มกราคม 2568 นอกจากนี้ ลูกค้าที่มียอดจับจ่ายสินค้าตรุษจีนสูงสุด (Top Spenders) รับสิทธิ์ลงทะเบียนเข้าร่วม เอ็กซ์คลูซีฟทริป กับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคินพรีเซ็นเตอร์ประจำแคมเปญ THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025 ที่จะพาผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านไปดื่มด่ำกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตรุษจีน ตลอดทริป
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th, เฟซบุ๊ก TopsThailand, หรือแอปพลิเคชั่นไลน์ @TopsThailand
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี