กระทรวงวัฒนธรรมเดินหน้าผลักดันโครงการ “ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสู่ตลาดดิจิทัล” ภายใต้แนวคิด “จำหน่ายได้ทุกที่ ทุกเวลา” และ “อยู่ได้เมื่อภัยมา” เปิดโอกาสให้ชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้าถึงตลาดออนไลน์ สร้างรายได้ที่มั่นคงแม้ในช่วงวิกฤต พร้อมยกระดับสินค้าวัฒนธรรมไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ในปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้มุ่งเน้นการพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการชุมชนท้องถิ่นผ่าน โครงการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสู่ตลาดดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการนำเสนอและจำหน่ายสินค้าวัฒนธรรมในรูปแบบออนไลน์ ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ต้องการการเข้าถึงตลาดได้ตลอดเวลา และเสริมความมั่นคงในช่วงวิกฤตต่าง ๆ
ทั้งนี้ได้รับความสนใจและการตอบรับจากชุมชนในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะด้านการตลาดดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการ เช่น การใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์ม e-Commerce เพื่อเพิ่มยอดขาย พร้อมทั้งการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการสร้างแบรนด์ที่สะท้อนอัตลักษณ์วัฒนธรรมของแต่ละชุมชน
โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการชุมชนท้องถิ่นให้สามารถนำเสนอและจำหน่ายสินค้า โดยนำต้นทุนทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์มาต่อยอดให้ตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมผลักดันเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นให้ชุมชนเข้าถึงลูกค้าได้ “ทุกที่ ทุกเวลา” พร้อมเสริมความมั่นคงในช่วงวิกฤต เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือภัยธรรมชาติ ตามแนวคิด “อยู่ได้เมื่อภัยมา”
ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
จำหน่ายได้ทุกที่ ทุกเวลา: เว็บไซต์ www.cpotshop.com ทำให้ผู้ประกอบการชุมชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้ง่ายขึ้น พร้อมสร้างรายได้กว่า 500 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการชุมชนที่เข้าร่วมโครงการในปีที่ผ่านมา สินค้ากว่า 1,000 รายการ จากชุมชน 500 แห่ง ถูกนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada และเว็บไซต์เฉพาะ ยอดขายเพิ่มขึ้น 40% โดยเฉพาะสินค้าวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ เช่น ผ้าทอพื้นเมือง งานหัตถกรรม และอาหารพื้นถิ่น
อยู่ได้เมื่อภัยมา: โครงการนี้ยังช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจของชุมชนลงเฉลี่ย 20% ผ่านการใช้ช่องทางออนไลน์แทนการค้าขายแบบเดิม และกระตุ้นการจ้างงานในท้องถิ่น เช่น งานผลิตสินค้า งานบรรจุภัณฑ์ และการจัดการคำสั่งซื้อออนไลน์ ส่งผลให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่สูงขึ้น แม้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ภัยธรรมชาติ และวิกฤตเศรษฐกิจ
ขยายตลาดสู่สากล: สินค้าชุมชน เช่น ผ้าทอมือและงานหัตถกรรม ได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ สามารถเจาะตลาดใหม่ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 30% โดยเฉพาะในตลาดจีน ยุโรป และอเมริกา สร้างโอกาสใหม่ให้เศรษฐกิจชุมชน
กระทรวงวัฒนธรรมตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการในโครงการ ด้วยการเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ผ่าน www.cpotshop.com พร้อมจัดอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ รวมถึงการถ่ายภาพสินค้า การเขียนคอนเทนต์ดิจิทัล พร้อมสร้างการเชื่อมโยงกับนักออกแบบรุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าวัฒนธรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลักดัน Soft Power ไทย และ ยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นตัวแทนความงามของวัฒนธรรมไทยในเวทีสากล
โดยมุ่งหวังให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งผ่านการผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับเทคโนโลยีดิจิทัล นี่คือการสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนไทย และแสดงให้โลกเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมไทย โครงการนี้ไม่เพียงช่วยให้ชุมชน จำหน่ายได้ทุกที่ ทุกเวลา แต่ยังสร้างความมั่นคงให้ชุมชนสามารถ อยู่ได้เมื่อภัยมา ไม่ว่าจะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงใดก็ตาม ทั้งนี้กระทรวงวัฒนธรรมจึงอยากเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมสนับสนุนสินค้าวัฒนธรรมไทย เพื่อรักษาอัตลักษณ์และสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจชุมชนไทยไปด้วยกัน
สำหรับชุมชนและผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมสร้างโอกาสใหม่ในตลาดออนไลน์ สามารถสมัครเป็นสมาชิก CPOTSHOP ได้ง่าย ๆ ผ่าน www.cpotshop.com พร้อมกันนี้นักช็อปสายวัฒนธรรมสามารถค้นหาสินค้าที่สะท้อนวิถีชีวิตและเอกลักษณ์ของชุมชนไทยพร้อมติดตามสินค้าใหม่และโปรโมชั่นพิเศษได้ที่ www.cpotshop.com , Facebook Page CPOT และ TikTok: CPOTSHOP
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี