องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM จัดพิธีประกาศเจตจำนง “เครือข่ายพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ประเทศไทย” เนื่องในโอกาสวันสถาปนาครบรอบ 30 ปี ซึ่งมีหน่วยงานเข้าร่วมถึง 40 แห่งเข้าร่วม เพื่อผนึกกำลังความร่วมมือในการขับเคลื่อนวงการวิทยาศาสตร์ของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงพัฒนาและยกระดับการให้บริการแหล่งเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและให้เทียบเท่ามาตรฐานสากลในอนาคต ณ ห้องแสงเดือน-แสงเทียน อพวช. ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการ NSM กล่าวว่า “พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เยาวชนและประชาชนได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม โดยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง การพัฒนาและยกระดับการให้บริการแหล่งเรียนรู้จึงมีความสำคัญอย่างมาก จึงต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในประเทศไทย จึงดำเนินการจัดโครงการ “เครือข่ายพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ประเทศไทย - Thailand Science Museums and Science Centers Network” ขึ้น เพื่อร่วมประกาศเจตจำนงความร่วมมือในการเป็นเครือข่ายแบ่งปันองค์ความรู้ ประสบการณ์ และทรัพยากร เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล”

“โดยโครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายของ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อให้เยาวชนและประชาชนเข้าถึงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมได้อย่างทั่วถึง สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่สนใจวิทยาศาสตร์ และพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” ผศ.ดร.รวิน กล่าว

ภายในงานมีการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อ “โอกาสในการสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์สู่สังคมอนาคต” โดยมี ดร.กรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการ NSM เป็นผู้นำทีมเครือข่ายระดมสมอง ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าชมพิพิธภัณฑ์พระรามเก้าและพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาอีกด้วย การประกาศเจตจำนงในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับวงการวิทยาศาสตร์ไทย และยกระดับมาตรฐานการให้บริการแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยให้เทียบเท่าระดับสากลในอนาคต

-(016)