ส่งต่อสุขภาพดี นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ คุณหมอแอมป์ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ RoyalLife Wellness Clinic และโรงพยาบาลกรุงเทพอุดร นำทัพสายเฮลตี้เช็กอินจังหวัดอุดรธานี จัดงาน RoyalLife Health Talk ส่งมอบความรู้และแนวทางการดูแลสุขภาพภายใต้หลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) เดินหน้าสร้างคอมมูนิตี้สุขภาพดีอย่างยั่งยืน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) และเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี อายุยืนยาวอย่างมีความสุข
งานดังกล่าวเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างองค์กรในเครือ BDMS ผนึกกำลังกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ถือเป็นก้าวสำคัญในการ
ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดอุดรธานี หรือ อุดรธานีเวลเนส (Udon Thani Wellness) เพื่อส่งเสริมจังหวัดอุดรธานี สู่ศูนย์กลางแห่งการส่งเสริมสุขภาพและความสมดุลในชีวิต ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันWellness Hub Thailand ให้ประเทศไทยขึ้นเป็นท็อป 5 ของ Wellness Destination of the World จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกอีกด้วย
เมื่อโลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของสังคมผู้สูงอายุ
ในปัจจุบัน โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่ช่วงสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ซึ่งเป็นสภาวะที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคมผู้สูงอายุเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ คือ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยยืดอายุขัยของมนุษย์ (Lifespan) ให้ยืนยาวขึ้นกว่าในอดีต โดยในช่วงระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2562 อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโลกเพิ่มขึ้นจาก 66.8 ปี เป็น 73.4 ปี หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 6.6 ปี แต่ในขณะเดียวกัน อายุขัยสุขภาพ (Health Span) หรือระยะเวลาที่ร่างกายและจิตใจยังคงสมบูรณ์แข็งแรง กลับเฉลี่ยอยู่ที่ 63.7 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระบวนการชราหรือกระบวนการแก่ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การป้องกัน “โรคที่มากับความชรา” โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง Non-Communicable Diseases (NCDs) อย่างเช่น โรคเบาหวานโรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองโรคอ้วน เครียด โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนักถึง ด้วยเหตุนี้การแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) จึงกลายมาเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญของผู้คนทั่วโลก เพื่อการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
เวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) สู่การมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
หลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือ Lifestyle Medicine คือศาสตร์ทางการแพทย์ที่มุ่งเน้นการสร้างรากฐานของสุขภาพที่ยั่งยืน โดยเป็นการดูแลสุขภาพตั้งแต่ต้นทางผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ ซึ่งหลักการของการแพทย์ เวชศาสตร์วิถีชีวิตเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด รวมถึงการดูแลจิตใจและอารมณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้คนในทุกช่วงวัย
รู้จักตัวเองในระดับเซลล์กับการตรวจ Epigenetics
ความก้าวหน้าด้านการแพทย์เวชศาสตร์ป้องกันไม่เพียงแค่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถตรวจหาความเสี่ยงของการเกิดโรค ผ่านการตรวจสุขภาพ
ในระดับเซลล์ เช่น การตรวจ Epigenetics ได้อีกด้วย โดย แพทย์หญิงณัฏฐ์นรี บุญศิรภัสสร แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ แพทย์หญิงชนมพรรษ์ กระแสร์ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ป้องกัน โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร ร่วมให้ความรู้ด้านการตรวจEpigenetics เพื่อวางแผนการส่งเสริมสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์ป้องกัน และหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ตลอดจนชวนชาวอุดรฯมาทำความรู้จักกับ “วิตามินเฉพาะบุคคล” หรือ “Personalized Vitamin” ที่ช่วยการดูแลสุขภาพของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ท้ายสุด นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือคุณหมอแอมป์ ได้เผยเคล็ดลับของการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ให้กับผู้เข้าร่วมงาน RoyalLife Talk จังหวัดอุดรธานี ดังนี้ 1.ห้ามอ้วน : เพราะความอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องของบุคลิกภาพภายนอก แต่ยังเป็นสัญญาณของความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดย ณ ปัจจุบัน ประชากรชาวไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโรคอ้วนและน้ำหนักเกินสูงถึง 48.3% การหันมาดูแลสุขภาพและควบคุมโรคอ้วนจึงกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนควรหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน ยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเมื่อโลกของเราตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากที่สุด โดยมีความเสี่ยงเสียชีวิตมากถึง 7 เท่า
2.นอนหลับวันละ 8 ชั่วโมง : การพักผ่อนถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามหากต้องการส่งเสริมสุขภาพ โดยควรนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม และนอนหลับพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมงต่อวัน3.ออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอ : การออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน และทำเป็นประจำ 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรงมากขึ้น สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน และโรค NCDs อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.หลีกเลี่ยงสารอันตราย : บุหรี่ แอลกอฮอล์ และฝุ่น PM2.5 ถูกจัดเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 ดังนั้น การลดละ เลิก หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเหล่านี้ สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ 5.ลดความเครียดผ่อนคลายจิตใจ : ความเครียดถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นสารที่สามารถก่อมะเร็งได้ ดังนั้น หากต้องการมีสุขภาพที่ดีและยั่งยืน การลดความเครียดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ BDMS Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกัน และ RoyalLife Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและฟื้นฟู ในความดูแลของ BDMS Wellness Clinic ที่มีสาขาครอบคลุมในจังหวัดสำคัญทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดจันทบุรี และล่าสุด RoyalLife Wellness Clinic ได้เปิดให้บริการสาขาจังหวัดอุดรธานีอย่างเป็นทางการ ภายใต้ความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างสุขภาพเชิงป้องกันให้กับคนไทยและผู้คนทั่วโลก ผ่านโปรแกรมตรวจสุขภาพแบบองค์รวมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพในระดับเซลล์ เช่นการตรวจ Epigenetics เพื่อตรวจหาความเสี่ยงการเกิดโรคในอนาคต การตรวจระดับความสมดุลฮอร์โมน วิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย การตรวจการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การตรวจดัชนีมวลกายด้วยเครื่อง InBody ตลอดจนการวางแผนการดูแลแบบเฉพาะบุคคล ภายใต้คำแนะนำของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี