โดนทัวร์ลงจากทั่วโลกตามคาด หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ไอเดียกระฉูด เสนอให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมพื้นที่ฉนวนกาซาและดำเนินการพัฒนาใหม่ และให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซาอพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่อื่น
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารที่4 ก.พ. ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์เคยระบุว่าประเทศเพื่อนบ้านของอิสราเอล เช่น อียิปต์และจอร์แดน ควรรับชาวปาเลสไตน์ที่อพยพออกจากฉนวนกาซาไปอาศัยอยู่
ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการกำจัดระเบิดและอาวุธที่ยังไม่ระเบิดทั้งหมดในพื้นที่และดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับที่สามารถสร้างงานและที่อยู่อาศัยให้กับประชากร เขาอ้างว่าจะทำให้พื้นที่กาซาเป็นริเวียราของตะวันออกกลาง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าใครจะอาศัยอยู่ในฉนวนกาซาหลังจากที่สหรัฐฯ เข้าควบคุม ทรัมป์ตอบว่า ประชาชนจากทั่วโลก รวมถึงชาวปาเลสไตน์
สำหรับริเวียรา (Riviera) เป็นคำที่ใช้เรียกบริเวณชายฝั่งทะเลที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีชื่อเสียงในเรื่องของความหรูหรา และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น ริเวียราฝรั่งเศสที่รู้จักกันดีในนาม Côte d’Azur หรือ “ชายฝั่งสีฟ้า” ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีเมืองสำคัญอย่างนีซ, คานส์ และ โมนาโก หรือ ริเวียราอิตาเลียน หรือที่เรียกว่า “ริเวียราเดลฟลอเร” ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี มีเมืองเจนัว และปอร์โตฟิโน
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ถูกต่อต้านและประณามจากหลายฝ่าย ซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ยืนยันจุดยืนที่ชัดเจนว่าสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระ และระบุว่าสันติภาพที่ถาวรและเป็นธรรม จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากชาวปาเลสไตน์ไม่ได้รับสิทธิที่ชอบธรรมของตน ส่วนแถลงการณ์ร่วมของอียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และองค์การสันนิบาตอาหรับ ระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นภัยต่อเสถียรภาพในภูมิภาค อาจทำให้ความขัดแย้งขยายตัว และบ่อนทำลายความหวังในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ด้านสหประชาชาติ เตือนว่า การบังคับชาวปาเลสไตน์ย้ายถิ่นฐานเท่ากับเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ ขณะที่มหาอำนาจ เช่น รัสเซีย จีน และเยอรมนีระบุว่า แผนการของทรัมป์จะกระตุ้นความเกลียดชัง
แม้แต่นักการเมืองอเมริกันเองยังไม่เห็นด้วย วุฒิสมาชิก คริส เมอร์ฟี่ จากรัฐคอนเนตทิคัต แสดงความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X ว่าผมมีข่าวมาบอก เราจะไม่เข้าควบคุมฉนวนกาซา พร้อมเสริมว่าทรัมป์เสียสติไปแล้ว
มีเพียงแต่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ที่แสดงท่าทีเปิดรับแนวคิดนี้โดยกล่าวว่าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณา และเสริมว่า ทรัมป์มองเห็นอนาคตที่แตกต่างสำหรับกาซา เช่นเดียวกับทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ แดนนี ดานอน กล่าวว่าหากกลุ่มฮามาสยังคงอยู่ในอำนาจ อิสราเอลอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำสงครามต่อไป
อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ถึงกับโพสต์ผ่าน X ว่า ได้สั่งการให้กองทัพอิสราเอลจัดทำแผนการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่สมัครใจอพยพออกจากกาซา ที่พังราบเป็นหน้ากลองจากสงครามที่ยืดเยื้อนานกว่า 15 เดือน แผนการนี้จะรวมถึงตัวเลือกการเดินทางทั้งทางบก ทางเรือและเครื่องบิน และสามารถไปยังทุกประเทศที่ยอมรับคนเหล่านั้น แคตซ์ยังถือโอกาสเหน็บแนมพวกประเทศที่คัดค้านปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา อย่าง สเปน ไอร์แลนด์นอร์เวย์ โดยเขาบอกว่า เวลานี้ ประเทศเหล่านี้ควรอ้าแขนรับชาวปาเลสไตน์
หนึ่งวันหลังจากถูกรุมประณามคัดค้านจากทั่วโลก ทรัมป์แสดงความเห็นอธิบายเพิ่มเติมลงใน Truth Social แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทางเว็บของเขาในวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. ว่า ฉนวนกาซาจะถูกส่งมอบให้แก่สหรัฐฯ โดยอิสราเอล ในตอนที่การสู้รบสรุปปิดฉากแล้ว ชาวปาเลสไตน์จำนวนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งเป็นประชากรของดินแดนนี้ จะถูกโยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานในประชาคมต่างๆ ในภูมิภาคนั้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีความปลอดภัยมากยิ่งกว่า และมีความสวยงามมากกว่า อีกทั้งได้อยู่ในบ้านใหม่ๆ และทันสมัย ยืนยันว่าไม่มีการส่งทหารของสหรัฐฯ เข้าพื้นที่ ไม่มีความจำเป็นเลย
ทรัมป์ฮุบกาซา ขัด ก.ม.ระหว่างประเทศ
ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศการพยายามบังคับย้ายประชากรออกจากพื้นที่ที่พวกเขาอยู่อาศัยถือเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างเคร่งครัด นักวิเคราะห์มองว่าข้อเสนอของทรัมป์อาจถูกตีความว่า เป็นแผนการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่โดยสมบูรณ์ ซึ่งอาจเข้าข่ายการล้างเผ่าพันธุ์ทางชาติพันธุ์
ชาวปาเลสไตน์ในกาซา ต่างบอกว่าความพยายามผลักดันพวกเขาออกจากกาซากระตุ้นให้นึกถึง นักบา (Nakba)ซึ่งแปลว่า “หายนะ” โดยหมายถึงเหตุการณ์ที่ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากถูกบังคับทิ้งถิ่นฐานระหว่างการสร้างชาติอิสราเอลในปี 1948
นักวิเคราะห์มองว่า แนวคิดของทรัมป์จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสันติภาพแบบสองรัฐ (Two-State Solution) ที่ประชาคมโลก
ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
สำหรับทรัมป์ ข้อเสนอนี้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับนโยบายเดิมของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอลและปาเลสไตน์และถูกมองว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ อาจเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่มุ่งเสริมความนิยมในหมู่ผู้สนับสนุนอิสราเอลในสหรัฐฯโดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษ์นิยมและคริสเตียนผู้เคร่งศาสนา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
แน่นอนว่า หากมีการผลักดันข้อเสนอนี้จริง อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น และทำให้โอกาสในการบรรลุสันติภาพในภูมิภาคลดน้อยลง
และแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทรัมป์ 2.0 พร้อมเดินหน้าผลักดันนโยบาย ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนได้อีกมากมาย
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี