ปัจจุบันมีคนสนใจความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริม ฟื้นฟูสุขภาพด้วยธรรมชาติบำบัดกันอย่างมาก พร้อมทั้งการรับประทานอาหารการดูแลรักษา กาย ใจ ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายป้องกันไม่ให้เกิดโรคต่างๆ ในระยะยาว ข้อมูลจาก รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์เวลเนส (College of Health and Wellness) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า เทรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรในตลาดโลกที่กำลังมาแรงมาจากหลายปัจจัย อาทิ ยาแผนปัจจุบันที่มีราคาแพงจึงมีการนำยาสมุนไพรมาใช้, การอนุรักษ์ความหลากหลายของแหล่งทรัพยากรสมุนไพรเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องผลข้างเคียงของการใช้ยาแผนปัจจุบันจากโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจหลอดเลือด โรคทางสมอง และซึมเศร้าที่ต้องกินยาเคมีต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับและไต ดังนั้น จึงต้องการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) หรือเป็นแบบการแพทย์ผสมผสาน (Complementary Medicine) โดยใช้ยาสมุนไพรควบคู่กับยาแผนปัจจุบันเพื่อลดผลข้างเคียง
สมุนไพรมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดโดยปรากฏในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และในสังคมผู้สูงอายุได้หันมาบริโภคอาหารเสริมเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีและชะลอวัย (Anti-Aging)ที่เป็นเทรนด์ของสมุนไพรชะลอวัยในขณะนี้ ในขณะเดียวกันเทรนด์ตลาดโลกเรื่องการรักษาโรคนิยมใช้ตํารับยาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบสมุนไพรหลายตัวที่มีหลักฐานงานวิจัยพิสูจน์ในคนไข้ว่ามีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของธรรมชาติบำบัดที่ประเทศไทยที่มีการใช้ตํารับยาแผนไทยแห่งชาติทั้งหมด 50,000 ตำรับ ถือว่าเป็นทรัพยากรทางภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่าและสามารถนำมาปรับมาใช้ได้ตามเทรนด์ของตลาดโลกโดยเฉพาะโรค NCDs (non-communicable diseases หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง)
หากมองไปที่กระแสธุรกิจสุขภาพ ในปี 2566 มีมูลค่าการตลาดที่ 6.3ล้านล้านดอลลาร์ มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรเกี่ยวโยงทั้งเรื่องความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย อาหารสุขภาพ โภชนาการ และการลดน้ำหนัก การป้องกันโรคและการแพทย์แม่นยำ การแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ผสมผสาน เวลเนสอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเรื่องสุขภาพจิตซึ่งสมุนไพรจะเชื่อมโยงไปทั้งหมดรวมทั้งสปาด้วย สำหรับประเทศไทยการบริการด้านเวลเนสที่ได้รับความนิยมสูงสุดคืออาหารสุขภาพ โภชนาการ และการลดน้ำหนักรองลงมาคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย
จากปัญหาสุขภาพมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะโรค NCDs จากการคาดการณ์ขององค์การอนามัยโลกพบว่า ปี 2593 จะมีประชากรครึ่งโลก หรือ 4,650 ล้านคน ป่วยด้วยโรค NCDs อย่างน้อยคนละหนึ่งโรค ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ในขณะที่คนไทยเสียชีวิตด้วยโรค NCDs 74% มากกว่าค่าเฉลี่ยของโลกในปัจจุบันคือ 71% และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือด ข้ออักเสบ โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบตันโรคปอด มะเร็ง และซึมเศร้า
ปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้นในเรื่องของสุขภาพทำให้อาหารฟังชั่นจากสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากกว่าอาหารปกติโดยเฉพาะมีสรรพคุณต้านการอักเสบและต้านสารพิษเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง และโรค NCDs อื่นๆ กำลังเป็นที่นิยมสูงในตลาดโลก อาทิ ขมิ้นชัน ขิง กานพลูโรสแมรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพรพื้นถิ่นที่ประเทศไทยมี โดยงาน Natural Products Expo West ปี 2567 จัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าสมุนไพรที่ได้รับความนิยมสูงสุด เช่น ว่านหางจระเข้ที่มีสรรพคุณในการเสริมภูมิคุ้มกันและช่วยระบายท้อง โสมอินเดียช่วยลดความเครียด cranberry รักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื้อ E. coli, elderberry เสริมภูมิคุ้มกัน, milk thistle ช่วยบำรุงตับ, กลุ่มเห็ดช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน, ไลโคปีนจากมะเขือเทศช่วยบำรุงต่อมลูกหมาก เป็นต้น
สำหรับสมุนไพรล้างพิษ ที่ได้รับความนิยมในตลาดโลกในขณะนี้ อาทิ evening primrose, milk thistle, nettle, sage, rosemary, yarrow, yellow dock, หัวหอมและกระเทียม ส่วนประเทศไทยก็มีสมุนไพรล้างพิษที่ดี อาทิ รางจืด หญ้านางแดง ขิง และงา เป็นต้น สำหรับสมุนไพรยอดฮิตอีกกลุ่มคืออะแด็ปโตเจนซึ่งเป็นสมุนไพรที่ช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลจากภาวะเครียดในร่างกายที่อาจส่งผลให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็วโดยอาจก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกายสูง ดังนั้น การปรับสภาวะในร่างกายไม่ให้เครียดโดยการใช้สมุนไพรกลุ่มนี้
สมุนไพรไทยที่เป็นดาวรุ่งของไทยและในตลาดโลกนิยมนำมาใช้เป็นอาหารเสริมสุขภาพมากที่สุด คือ ขมิ้นชันซึ่งมีงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับสารสีส้ม คือcurcuminoids ที่มีจำนวน 3 ชนิดมีสรรพคุณโดดเด่นคือต้านอนุมูลอิสระต้านการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกัน พบว่าขมิ้นชันไทยมีสาร curcumin มากสุด ถัดลงมาคือสาร demethoxycurcumin และสาร bisdemethoxycurcumin ตามลำดับ ดังนั้นการได้สารสกัดเคอร์คูมินอยด์ 3 ชนิดนี้มาทำอาหารเสริมจะมีสรรพคุณที่ช่วยลดความเสี่ยงโรค NCDs เช่น มะเร็ง และยังช่วยบำรุงสมองด้วย นอกจากนี้ยังมี จมูกข้าวที่มีสารสำคัญ คือ gamma-oryzanol ที่ช่วยลดโคเลสเตอรอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำมันจมูกข้าวยังมีวิตามินอีด้วยสำหรับกระแสอาหารเสริมที่มีสารbeta-sitosterol ที่จัดเป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มสาร gamma-oryzanol ที่พบในน้ำมันจมูกข้าวของไทย กำลังพุ่งแรงเพราะนอกจากสามารถลดไขมันในเลือดและเสริมภูมิคุ้มแล้วยังช่วยบำรุงต่อมลูกหมากและช่วยลดความเสี่ยงต่อมลูกหมากโตได้ด้วย สรรพคุณที่ดีต่อต่อมลูกหมากนี้ยังมีในสารฟลาโวนอยด์ที่ชื่อ quercetin ซึ่งพบปริมาณมากในใบหม่อนและหอมแดงของบ้านเรา
ประเทศไทยเป็นแหล่งสมุนไพรที่มีคุณภาพ การพัฒนาวิจัยต่อยอดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์สุขภาพชั้นดีจึงเป็นโอกาสของประเทศไทย เนื่องจากสมุนไพรมีสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบมีสรรพคุณชะลอวัย เป็นยาสมุนไพรที่ตลาดโลกต้องการโดยเฉพาะยาแผนไทยที่สามารถใช้ในการป้องกันและรักษาโรค NCDsที่จะช่วยลดวิกฤตปัญหาสุขภาพได้ขณะนี้ นอกจากนี้ สมุนไพรในกลุ่มอาหารเสริม ยา และเครื่องสำอาง กำลังเป็นที่นิยมของตลาดโลกที่หากมีการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมสมุนไพรที่ใช้ในประเทศและส่งออกได้ก็สร้างความยั่งยืนต่อสุขภาพของคนไทยและยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วยในยามนี้
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี