อาการผิดปกติบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป เช่น ปวดศีรษะอย่างรุนแรง อาการชักเกร็งเฉียบพลัน ปวดศีรษะในบางจุดอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ เช่น โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (AVM) ที่สามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่รีบมารักษา
นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (AVM - Arteriovenous Malformation) เกิดจากเส้นเลือดที่เชื่อมกับเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำในสมองพันกัน โดยเส้นเลือดแดงมีหน้าที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนสูงจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงสมอง ขณะที่เส้นเลือดดำมีหน้าที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนต่ำจากทุกส่วนของร่างกายไหลกลับเข้าสู่หัวใจ เมื่อเกิดโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มขึ้น เลือดก็จะไม่สามารถลำเลียงได้ตามปกติ และหากเกิดภาวะหลอดเลือดสมองที่ผิดปกติเบียดผนังหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำอย่างแรง หลอดเลือดเหล่านี้ก็จะเปราะบางและแตกได้ง่าย จนนำไปสู่การเกิดภาวะเลือดออกในสมอง
งานวิจัยหลายฉบับพบว่า โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอเอ็มวี ผู้ป่วยสามารถเป็นได้ตั้งแต่กำเนิด และอาจเริ่มเป็นในช่วงการพัฒนาของทารกในครรภ์ ซึ่งโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกทางกรรมพันธุ์(Hereditary Hemorrhagic Telangiectasia : HHT) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง คือ ภาวะ Osler-Weber-Rendu ซึ่งภาวะนี้มักจะส่งผลต่อกระบวนการสร้างหลอดเลือดในส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงสมอง ทั้งนี้โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มเป็นโรคที่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดโรคได้อย่างแน่ชัด
โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ซึ่งอาการของโรคนี้มักค่อยๆ ปรากฏในช่วงอายุ 10-40 ปี โดยจะแสดงออกชัดเจนในวัยผู้ใหญ่ หรืออาจไม่มีอาการจนกว่าหลอดเลือดแดงจะเกิดการแตกจนเลือดออกในสมอง สำหรับบางรายอาจเริ่มมีอาการเมื่อเกิดภาวะเลือดออกในสมองแล้ว อาการร่วมที่อาจพบ ได้แก่ ชักกระตุก ปวดหัวที่บริเวณหนึ่งของศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือชาที่บริเวณหนึ่งของร่างกาย หรือ อัมพฤกษ์ อัมพาต สูญเสียการมองเห็น พูดไม่ชัดอาการสับสน มึนงง ไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ สูญเสียสมดุลการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง
วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม สามารถตรวจได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจหลอดเลือดสมองด้วยสารทึบรังสี (Cerebral Angiography) ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยที่มีความละเอียดสูงสุด และมีประโยชน์ในการระบุตำแหน่งและลักษณะของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจแบบ CT Scan และ MRI
การตรวจแบบ MRI จะสามารถบ่งบอกถึงตำแหน่งของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มและสามารถแสดงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อสมอง โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด เนื่องจากไม่ต้องใส่อุปกรณ์สวนหลอดเลือด และผู้ป่วยจะไม่ได้รับรังสี
สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มมีหลายวิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสมกับช่วงอายุและสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย จุดประสงค์หลักในการรักษา คือการทำให้ไม่ให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง ซึ่งการผ่าตัดนำเส้นเลือดที่ผิดปกติออกอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงต่ำต่อการเลือดออกในสมองหรือการชักกระตุก โดยแพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้อง นอกจากนี้ ยังมีวิธีการอื่นๆ ในการรักษาโรคนี้ เช่น การใส่ขดลวดเพื่ออุดหลอดเลือด (Endovascular Embolization) และ การฉายรังสีร่วมพิกัด (Stereotactic radiosurgery)
ทั้งนี้ หากมีอาการเข้าข่าย โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็มและมีภาวะเลือดออกในสมองร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะนั่นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี