โรคไข้หวัดใหญ่ กลับมาระบาดอีกระลอก แพทย์เตือนอย่ามองข้าม เพราะเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่มีความรุนแรงมากกว่าไวรัสทางเดินหายใจอื่นๆ แพร่กระจายได้ง่ายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม หากอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย อาจนำไปสู่ภาวะวิกฤตหรือเสียชีวิตได้โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุเด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว
แพทย์หญิงวรินทิพย์ มหาพสุธานนท์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นได้ตลอดปี โดยเฉพาะในช่วง
เปลี่ยนฤดูกาล ไข้หวัดใหญ่ต่างจากไข้หวัดทั่วไป เพราะมีอาการรุนแรงกว่าและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคปอดเรื้อรัง ไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยขนาดเล็กจากการไอหรือจาม และสามารถติดต่อได้ทางการสัมผัสพื้นผิวหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์ มือถือ หรือโต๊ะทำงาน แล้วนำมือไปสัมผัสใบหน้า (ตา, จมูก, ปาก) ระยะฟักตัวของไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 1-4 วัน โดยผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ ตั้งแต่ 1 วันก่อนแสดงอาการ ไปจนถึง 5-7 วันหลังจากมีอาการแรกเริ่ม สำหรับเด็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจแพร่เชื้อได้นานกว่านี้
ไข้หวัดใหญ่มักมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีอาการหลัก ดังนี้ ไข้สูง (38-40°C) เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณหลัง แขน ขา ปวดศีรษะรุนแรง รู้สึกหนักศีรษะหรือหรือเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง อาการอาจคงอยู่นานหลายวัน ไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ อาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย น้ำมูกไหล คัดจมูก แต่ไม่เด่นชัดเท่ากับไข้หวัดทั่วไป หนาวสั่น เหงื่อออก เนื่องจากไข้ขึ้นสูง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน พบได้บ่อยในเด็ก
อาการส่วนใหญ่มักดีขึ้นภายใน 7-10 วัน แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้โดยมีกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ง่าย คือ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี, ผู้สูงอายุ, หญิงตั้งครรภ์, ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (เบาหวาน โรคหัวใจโรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคตับ) และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อ HIV
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ควรระวังมีดังนี้ ปอดอักเสบ (Pneumonia) : เชื้อไวรัสสามารถลุกลามเข้าสู่ปอด ทำให้หายใจลำบาก อาจเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่เอง หรือจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis): ทำให้หัวใจอ่อนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว, สมองอักเสบ (Encephalitis) : ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง ชัก หรือหมดสติ,ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว (Sepsis) : ทำให้ความดันโลหิตต่ำจนเป็นอันตรายถึงชีวิต, กล้ามเนื้ออักเสบและไตวาย : บางรายอาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อรุนแรง (Rhabdomyolysis) และเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน, ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome - ARDS) เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยวิกฤต
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์จะช่วยลดโอกาสป่วย ลดอัตราการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัดหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย งดใช้ของส่วนตัวร่วมกัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี