ครั้งแรกของไทย ! สภาคณบดีวิทยาศาสตร์ จับมือ สภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เตรียมตั้ง “ภาคีความร่วมมือวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ไทย” ด้าน “สุวิทย์ เมษินทรีย์” เสนอ 3 แนวทางเปลี่ยนประเทศยั่งยืน แนะปรับจากเทคโนโลยีลอกเลียนแบบไม่ได้สู่เทคโนโลยีที่เปิดเผยต้นฉบับให้คนเข้าถึงเพื่อพัฒนาต่อยอด - ปรับจากการควบคุมของภาครัฐ สู่การใช้กลไกความต้องการของตลาดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - ปรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างนวัตกรรมให้เกิดคุณค่าและมูลค่าสูงสุด
สมาคมสภาคณบดีวิทยาศาสตร์ นำโดย ศ.ดร.สันติ แม้นศิริ นายกสมาคมสภาคณบดีวิทยาศาสตร์ และสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย นำโดย รศ.ดร.ธงชัย ฟองสมุทร ประธานสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย “ภาคีความร่วมมือวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ไทย” (Thailand Science & Engineering Consortium) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การอุดมศึกษาของประเทศไทยที่สภาคณบดีฯ ทั้งสองซึ่งถือเป็นผู้นำด้านวิชาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศได้มาพบปะและหารือความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมอย่างเป็นทางการ โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วม ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โอกาสนี้ ที่ประชุมได้เชิญ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. เข้าร่วมประชุมและให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการทำงานร่วมกันของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงสถาบันวิจัยต่างๆ ของไทย ซึ่งได้เข้าร่วมนำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ในการประชุมครั้งนี้ด้วย อาทิ ความก้าวหน้าสำคัญด้านดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศของประเทศ (โครงการภาคีความร่วมมืออวกาศไทย หรือ Thai Space Consortium) โดย ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร. หรือ NARIT), ความก้าวหน้าโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 พันล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดย รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (สซ.) และความก้าวหน้าของแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (AI Thailand) โดย ดร.ศวิต กาสุริยะ รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เป็นต้น
ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า หน่วยงานในกระทรวง อว. ต่างมีพลังในการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง โดยอาศัยความร่วมมือที่เป็นพลังเสริมสร้างซึ่งกันและกัน ทุกคนมีความสามารถและเป็นคนเก่ง แต่ต่างคนต่างเก่ง ไม่เกิดประโยชน์ จึงหวังอยากให้เกิดการร่วมมือกัน ให้เกิดความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกัน และร่วมกันคิดว่าจะร่วมมือกันทำงานอย่างไร เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต และชวนให้ทุกคนคิดในการสร้างสมดุลระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีขั้นสูง และงานวิจัยขั้นแนวหน้า กับงานวิจัยเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ และงานวิจัยประยุกต์ โดยร่วมกันใช้โครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมไปกับการสร้างและพัฒนากำลังคนในระดับต่าง ๆ ตามความต้องการของประเทศ
ดร.สุวิทย์ กล่าวต่อว่า แนวทางการเปลี่ยนแปลงประเทศที่ยั่งยืนในปัจจุบัน ต้องเกิดจากการขยับและปรับเปลี่ยน หรือ “Shift” 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก คือ การปรับจากเทคโนโลยีที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ (Proprietary technology) ไปสู่เทคโนโลยีแบบโอเพนซอร์ส (Open-source technology) แบบที่เปิดเผยต้นฉบับให้เกิดการพัฒนาต่อยอด เช่น การเกิดขึ้นของ DeepSeek ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI สัญชาติจีน ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยการลงทุนหน่วยประมวลผลขั้นสูง หรือ GPUs เท่านั้น แต่สามารถใช้การสร้างโมเดลด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก โดยยังได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เกิดเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้เข้าถึง AI ได้อย่างกว้างขวางขึ้นในราคาที่ถูกลง เป็นต้น ประการที่สอง คือ การปรับจากการควบคุมของภาครัฐ ไปสู่การใช้กลไกความต้องการของตลาดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่จะพลิกโฉมระบบเศรษฐกิจในโลกอนาคตอันใกล้นี้ คือ เศรษฐกิจอวกาศ ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันของผู้เล่นหน้าใหม่ในห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรม ที่เป็นภาคเอกชนจำนวนมาก และ ประการที่สาม คือ การปรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการสร้างนวัตกรรมให้เกิดคุณค่าและมูลค่าสูงสุด โดยมุ่งไปสู่ การสร้างแพลตฟอร์ม, ระบบนิเวศ หรือระบบที่แบ่งปันการใช้ทรัพยากร ไม่ใช่มุ่งแต่การสร้างนวัตกรรมเป็นชิ้นเล็กๆ จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าสูง ซึ่งไม่เกิดความคุ้มค่า
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี