MOTIF โดย โอ๊ค-อัครรัฐ วรรณรัตน์ ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์ Tom Dixon ไลท์ติ้งเฟอร์นิเจอร์ ในประเทศไทยมากว่า 13 ปี เปิดบ้านต้อนรับ Tom Dixon ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ในงานอีเว้นท์สุดพิเศษ “Tom Dixon’s 48 Hours in Bangkok” โอกาสสำคัญที่ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกได้พบปะกับเหล่าคนรักงานออกแบบชาวไทย พร้อมเปิดตัว Tom Dixon Experience แห่งแรกในประเทศไทย ณ MOTIF ชั้น 4 ศูนย์การค้า Central Embassy ที่ออกแบบภายใต้แนวคิดของความคิดที่ร่วมสมัยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Tom Dixon Experience ที่ประเทศไทยนี้ นับเป็นพื้นที่แห่งที่ 2 ในเอเชียที่รวบรวมดีไซน์โปรดักส์ของ Tom Dixon ดีไซเนอร์หัวขบถแห่งวงการเฟอร์นิเจอร์จากอังกฤษมาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น MELT Lights ที่เป็นที่หนึ่งในใจของทุกคน, PLUMP Sofa, UNBEATEN Lights, SLAB Lounge Chair และ GROOVE Outdoor Furniture ที่หลายคนรอคอย อีกทั้ง ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวพื้นที่ของการโชว์ผลงานออกแบบระดับโลกที่ออกแบบ เพื่อสร้างประสบการณ์เลือกซื้อที่แปลกใหม่และดื่มด่ำไปกับดีไซน์สุดล้ำของเขา
Christian Seiffert กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “การเปิดตัวพื้นที่ใหม่ที่ MOTIF ครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตในเอเชีย นับเป็นก้าวอันแรงกล้าสู่อนาคต ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่จากนวัตกรรมการออกแบบของเรา พื้นที่ Tom Dixon Experience ได้พลิกโฉมวิธีที่เราสร้างแรงบันดาลใจและมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ตลอดจนชุมชนนักออกแบบของเรา อีกทั้งเรายังวางแผนจะขยายโปรเจกท์นี้ไปยังเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิกภายใน 12 เดือนข้างหน้า”
นอกจากการเปิดตัว Tom Dixon Experience แล้วทางแบรนด์เลือกปักหมุดประเทศไทยเป็นหมุดหมายแรกสำหรับการเดินทางครั้งใหม่ในโซนเอเชีย จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “Tom Dixon’s 48 Hours” เปิดโอกาสให้ทั้งนักออกแบบไทยและผู้ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ ได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟผ่านการร่วมพูดคุย ภายใต้บรรยากาศของ “Design Talk” ที่ทุกคนได้แลกเปลี่ยนแนวคิดในการออกแบบ รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจนำไปต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ต่อด้วยช่วง Cocktail Reception ที่มาพร้อมเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษ รังสรรค์โดย Tom Dixon
อย่างไรก็ตาม อีเว้นท์นี้ได้เกิดขึ้นกับเมืองใหญ่ทั่วโลกที่มีทั้งความเป็นดีไซน์ และความเป็นเมืองสำคัญ เช่น “Tom Dixon’s 24 Hours” ที่เคยจัดขึ้น ณ เมืองอันเป็นศูนย์กลางการออกแบบทั่วโลกอย่าง โคเปนเฮเกน ปารีส มิลาน สตอกโฮล์ม และเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ผลงานที่กลายเป็นไอคอนในวงการออกแบบคือ S Chair เปิดตัวครั้งแรกในปี 1980 ซึ่งนำโครงสร้างของเก้าอี้แบบดั้งเดิมมาตีความใหม่ให้โค้งเว้าเป็นรูปตัว S จนกลายเป็นซิกเนเจอร์อันโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความเรียบง่าย แต่มีพลัง และรองรับสรีระของผู้นั่งได้อย่างสมบูรณ์ จนถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ระดับโลก อย่าง Museum of Modern Art (MoMA) ในนิวยอร์ก รวมถึงเคยรังสรรค์ S-CHAIRSpecial Edition จากผ้าลายราชวัตรโบราณทอหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ผลงานชิ้นเดียวในโลกสำหรับนิตยสาร Vogue ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประมูลในงาน Vogue Gala ที่จัดขึ้นเพื่อสืบสานผ้าไทยตามรอยพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ MELT Pendant Light โคมไฟที่มีพื้นผิวสะท้อนแสงราวกับกำลังหลอมละลาย ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่สร้างปรากฏการณ์ในวงการออกแบบแสงไฟและได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ยิ่งไปกว่านั้น Tom Dixon ยังตอกย้ำความเป็น Design Icon ของโลกเบอร์ต้นๆ กับการร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบขวดสำหรับ Johnnie Walker Blue Label ที่ถ่ายทอดทั้งความหรูหรา หรือการร่วมมือกับ Adidas ในการสร้างสรรค์คอลเลคชั่นเสื้อผ้า ฟังก์ชั่นนอลแวร์ และเฟอร์นิเจอร์แบบพกพาสุดล้ำที่สะท้อนแนวคิดนวัตกรรมการออกแบบและความยั่งยืน (Sustainability) ที่เขาให้ความสำคัญมาตลอด นอกจากนี้ เขายังเคยทำงานร่วมกับ Tesla ในการออกแบบเก้าอี้รุ่นลิมิเต็ดที่เรียกว่า HYDRO chair ที่สะท้อนปรัชญาของแบรนด์ด้านเทคโนโลยีอะลูมิเนียม ที่พัฒนาขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อผลิตรูปทรงที่ลึกและซับซ้อน
นอกจากนี้ ผลงานของ Tom Dixon ยังปรากฏอยู่ในโปรเจกท์โรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ทั่วโลก เช่น Mondrian Hotel London และล่าสุดกับโครงการที่พักสุดหรูริมชายหาดสุดตระการตาบนหมู่เกาะดูไบทั้ง 108 หลังอย่าง Villa del DIVO ที่ออกแบบโดย Mr. Eight Development ซึ่งเป็นผลงานเหล่านี้ตอกย้ำถึงเอกลักษณ์ของ Tom Dixon ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นความสวยงาม แต่ยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและแนวคิดที่ล้ำสมัย ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับในฐานะหนึ่งในนักออกแบบชั้นนำของโลก
ผลงานชิ้นเด่นที่ขึ้นชื่อในประเทศไทยที่ใครๆ ก็อยากจับจอง จนกลายเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น Best Seller ตลอดกาลของ MOTIF ก็คือ โคมไฟ MELT เปิดตัวครั้งแรกที่ Milan Fair ในปี 2015 เกิดจากการร่วมมือระหว่าง Tom Dixon และ FRONT กลุ่มนักออกแบบจากสวีเดน จากไอเดียที่ต้องการสร้างโคมไฟที่ดูเหมือนรูปร่างไม่สมบูรณ์ เพื่อให้ใกล้เคียงกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกระจกหลอมละลาย ธารน้ำแข็ง และภาพจากอวกาศ ถ่ายทอดผ่านเทคนิคการผลิตที่ซับซ้อน โดยนำวัสดุประเภทพลาสติกมาตีความใหม่ เติมลูกเล่น พร้อมสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์จนสามารถเพิ่มมูลค่าให้ทัดเทียมกับเหล่าโคมไฟที่ทำจากแก้วได้อย่างน่าสนใจ และกลายเป็นที่ยอมรับของสายเฟอร์นิเจอร์ทั่วโลกตลอดมา
เช่นเดียวกับเส้นทางการออกแบบตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2025 นี้ Tom Dixon ยังคงมุ่งสร้างสรรค์ผลงานที่จะสะเทือนวงการงานออกแบบต่อไป โดยจะให้ความสำคัญไปที่ Upholstery Furniture หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีการบุผ้า หนัง หรือวัสดุอื่นๆ เช่น โซฟา เก้าอี้ที่มีเบาะ หรืออาร์มแชร์ ที่หลายคนเคยเห็นมาแล้วกับคอลเลคชั่น PLUMP อีกทั้ง ยังมีคอลเลคชั่นเฟอร์นิเจอร์เอาท์ดอร์อื่นๆ อย่าง GROOVE ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2024 นั่นเอง
นอกจากผลงานของ Tom Dixon จะครองใจเหล่านักแต่งบ้านนักสะสม และผู้ชื่นชอบงานศิลปะทุกรูปแบบแล้ว เขายังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันวิเศษยิ่งแห่งจักรวรรดิบริติช ชั้นที่ 4 หรือ Officer of the Most Excellent Order of the British Empire (OBE) จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2001 และล่าสุดเพิ่งได้รับ Commander of the Most Excellent Order of the British Empire (เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันวิเศษยิ่งแห่งจักรวรรดิบริติช ชั้นที่ 3) หรือ CBE จากกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เพื่อเป็นการยกย่องในคุณประโยชน์จากผลงานอันทรงอิทธิพลของเขาที่มีต่อการออกแบบของอังกฤษ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี